จากกรณีที่ช่วงก่อนหน้านี้ "หมอกฤตไท" คุณหมอหนุ่มหล่อวัย 28 ปี ได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก "สู้ดิวะ" เพื่อถ่ายทอดและเล่าประสบการณ์การ อาการป่วยเป็น "มะเร็งปอดระยะสุดท้าย" ทั้งที่อายุน้อย แถมยังเป็นคนที่ชื่นชอบออกกำลังกาย และมีสุขภาพที่แข็งแรง จากนั้นได้เข้าสู่ขั้นตอนการรักษา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (เมื่อช่วงเดือนเมษายน)
ล่าสุดทางด้าน คุณหมอกฤตไท เจ้าของเพจดัง "สู้ดิวะ" ได้ออกมาเปิดเผย อัปเดตข้อมูลล่าสุด หลังจากพักรักษาตัวไปกว่า 5 เดือน โดยข้อความระบุว่า
สวัสดีครับ
ผมเองครับ
หมอไทคนเดิม เพิ่มเติมคือร่างกายที่ผ่านอะไรหนักหน่วงมาเยอะพอตัว
ผมโพสต์ลงเพจนี้ครั้งสุดท้ายคือช่วงเดือนเมษายนปีนี้เลย
เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้วที่ผมหายไปจากวงการ
ไหนๆ ก็กลับมาเขียนเพจ งั้นผมสรุปในภาพรวม 5 เดือนที่ผ่านมาแบบเท่าที่ผมนึกออกเร็วๆให้ครับ
โอเค ผมได้รับการผ่าตัดสมอง
ผมได้รับการฉายแสงที่สมองและที่หลัง (ฉายหลายรอบ)
ผมได้รับคีโมแล้วเกิดภาวะแทรกซ้อนมากมาย
ผมได้รับยาสเตียรอยด์ปริมาณมากและเป็นเวลานาน
ผมมีลุ้นว่าจะเป็นโรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่องเพิ่มอีกโรค และผมก็เจอก้อนใหม่ขนาดใหญ่ซะด้วย
โชคดีที่เรื่องอาการเองจะเด่นสุดที่เรื่องอภิมหาปวดที่กระดูกและซี่โครง รวมถึงการที่ร่างกายผมไม่สามารถเล่นบาสได้อีกแล้ว
ทุกวันนี้ผมกินยาวันละประมาณ 20 เม็ด เช้าก่อนอาหาร เช้าหลังอาหาร กลางวัน เย็น ก่อนนอน
5 เดือนที่ผ่านมานี้ เป็นช่วงเวลาที่ตัวโรคดุร้ายและไม่ใจดีกับผมเหมือน 6 เดือนแรกเลย
โหดร้ายขนาดที่ผมเองเกิดความคิดว่า
“ผมจะทนกับความเจ็บปวดนี้ไปทำไมนะ”
ผมจึงได้ปรึกษากับพี่หมอจิตแพทย์ครับ
ผมได้รับยาต้านซึมเศร้าและยาจิตเวชตัวอื่นๆ
โชคดีมากครับ ที่ผมก็ยังมีวันนี้
ที่มาเขียนโพสต์นี้ให้กับทุกคนอยู่
เพราะสิ่งหนึ่งที่ผมตอบคำถามจากจิตแพทย์ของผม
“ว่าอะไรทำให้ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ล่ะ?”
“ผมอยากเห็น ‘สู้ดิวะ’ ได้ตีพิมพ์ครับ”
ผมตอบอาจารย์ทั้งน้ำตา เพราะผมไม่รู้จริงๆ ว่า
วันที่ ‘สู้ดิวะ’ วางขายตามร้านหนังสือ ผมจะยังอยู่ไหม
เอาจริงๆ ผมไม่สนด้วยซ้ำครับ ผมสนแค่ว่า
ตัวแทนของความคิดผมได้เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ
ตอนนี้ผมเขียนเสร็จแล้วครับ
ผมเลือกสำนักพิมพ์ของพี่นิ้วกลม (เพราะผมเป็น FC พี่เขาครับ)
ถ้าเอาตามหลักเหมือนส่งวิจัยไปตีพิมพ์นี่เหมือนกับผมส่งให้ editor โดยตรงเลย
ซึ่งถ้าในวงการวิจัย พวกเรารู้กันดีว่าแทบไม่มีการรับโดยไม่แก้
แต่งานนี้ของผม พี่นิ้วกลมบอกว่า
“พี่ไม่แก้อะไรเลย เรามาตีพิมพ์กันเถอะ”
เอาจริงๆ เรื่องกระบวนการต่างๆ นี้ผมแทบจะยกให้เพื่อนแม็กซ์ของผมจัดการหมดเลย
เพราะผมก็มีกระบวนการรักษาร่างกายและลมหายใจผมที่ต้องจัดการเหมือนกัน
แต่ก็ไม่น่าเชื่อครับ ว่าสุดท้ายแล้ว
หนังสือ สู้ดิวะ ก็เดินทางมาถึงวันที่มีหนังสือรวมเล่มแบบจับต้องได้
Draft version ออกมาให้ผมและเพื่อนได้ชื่นชมกันเอง
แต่ Final version นั้น ทุกคนจะได้ชื่นชมมัน…
ทางออนไลน์ 30 กันยายน 2566
ทางเพจ Roundfinger
วางขายวันแรก 12-23 ตุลาคม 2566
ที่งานหนังสือ ณ ศูนย์ฯ สิริกิติ์ บูธสนพ. KOOB (H43)
และทางหน้าร้านหนังสือทั่วประเทศ
หวังว่าเราจะได้เจอกันครับ
ขอขอบคุณที่มา : เพจสู้ดิวะ