19 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทศกาลคเณศจตุรถี วันคเณศจตุรถี หรือ วันเกิดพระพิฆเนศ ในปีนี้ตรงกับวันที่ 19-28 ก.ย.66 เหล่าสาวกผู้ศรัทธามีความเชื่อว่า ในวันนี้พระพิฆเนศจะมีเมตตาเป็นพิเศษ จะเสด็จลงมาฟังคำอธิษฐานและการสวดภาวนาขอพร ซึ่ง 1 ปีมีครั้งเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะตัวอย่างที่ร้านหนมไทยครูทราย ตั้งอยู่ในปั๊มปตท.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง น.ส.พาขวัญ เพ็ชรดำ หรือทราย อายุ 33 ปี เจ้าของร้าน ไม่หยุดคิดพัฒนาสูตรขนมใหม่ๆ เพื่อต่อยอดและเรียกทรัพย์เข้ากระเป๋าในหลายๆโอกาสสำคัญ ด้วยไอเดียทำขนมมงคลเอาใจสายมู ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ผู้คนทุกเพศ ทุกวัย นิยมปฏิบัติเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว ได้มีความสุขความเจริญในหน้าที่การงาน รวมทั้งมีโชคลาภ ทำให้คิดค้นสูตรขนมเอาใจสายมูดังกล่าว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าสร้างรายได้ด้วยไอเดียที่ไม่หยุดนิ่ง
จึงได้ขนมไทยบูชา "พระพิฆเนศ" ทั้งขนมหนูมุสิกะ ขนมลาดูมะพร้าว 9 สี ขนมลาดูถั่วทอง ขนมลาดูดั้งเดิม และแบบชุดเซ็ตประทานพร ซึ่งมีความเชื่อกันว่า หากใครได้นำขนมไปถวายองค์พ่อพระพิฆเนศจะสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ยิ่งเป็นขนมหนูมุสิกะ ความเชื่อว่าหากถวายหนูให้กับพระพิฆเนศบ่อยๆ จะทำให้พระพิฆเนศมีบริวารมาก และเมื่อเราขอพรอะไรไปบรรดาหนูที่เราได้ถวายไปนั้นก็จะช่วยให้พรที่เราขอสมปรารถนาหรือสำเร็จอย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งตั้งแต่ที่ร้านหนมไทยครูทรายเกิดไอเดียจัดทำชุดเซ็ทขนมไทยในการมูขึ้นมา ทำให้มีเหล่าบรรดาสายมู ต่างแห่สั่งจองออนไลน์ เป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะนำไปไหว้ขอพรในวันเกิดพระพิฆเนศนี้
น.ส.พาขวัญ เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ที่ได้เกิดไอเดียในการทำขนมสายมูนั้น เนื่องจากตนเองนับถือองค์พระพิฆเนศอยู่แล้ว และจะไปไหว้ขอพรเป็นประจำ ซึ่งมีความเชื่อว่าการนำขนมไปถวาย และตั้งจิตอธิษฐานขอพรต่อองค์พระพิฆเนศ โดยขนมตนเองจะทำเองทั้งหมด ส่วนใหญ่พรที่ขอ จะขอให้ประสบความสำเร็จในด้านการทำขนมและขายขนม ขอให้ขนมขายดีให้ร้านปังๆ และก็ประสบความสำเร็จทุกครั้งมีลูกค้าสั่งขนมทุกวัน และก็มีเสี่ยงโชคบ้างเล็กๆน้อยๆ มีถูกลอตเตอรี่ 2 ตัวบ้าง 3 ตัวบ้าง ได้เกือบทุกงวด
จากนั้นก็เลยคิดว่า หันมาทำขนมสายมูไปด้วยเลย เพราะเมื่อเราไปไหว้แล้วก็โพสต์ขนม ที่ทำเองทำให้ลูกค้า ที่นับถือพระพิฆเนศ มีเรียกร้องให้เราทำขนมแบบนี้ขึ้นมา เพื่อที่ลูกค้าจะนำไปถวายด้วยเช่นกัน จนเป็นที่มาในการทำขนมสายมูในครั้งนี้ เมื่อลูกค้ามาซื้อ ตนเองก็จะแนะนำด้วยว่าจะต้องมูแบบไหนไหว้แบบไหนเลือกแบบไหน จะมีที่ทั้งบูชาองค์พระพิฆเนศ บูชาองค์พระแม่ลักษมี หรือแม้แต่ นำอาลัวดอกบัวไปถวายเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม ก็มีลูกค้าสั่งออเดอร์มาเช่นกัน ซึ่งในการทำขนมทุกครั้งตนเองจะพิถีพิถันและใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นขนมที่ทำไปถวายองค์พระ นอกจากลูกค้าได้บุญแล้วเราก็ได้บุญด้วย และขนมของทรายเน้นกินได้ ถวายแล้วสามารถนำขนมกลับมาทานได้ด้วย ได้บุญ อิ่มบุญ อร่อย
สำหรับวิธีการทำขนมค่อนข้างทำยากเหมือนกัน เราจะเน้นปั้นมือเองด้วย และใช้แม่พิมพ์ทำด้วย ใช้เวลาในการอบขนม 2-3 ชั่วโมง ซึ่งการทำขนมมูนี้ตนเองได้ไปเรียนทำขนมมา และขนมที่ทำก็เป็นสูตรขนมที่มาจากประเทศอินเดียเลย แป้งที่ใช้ในการทำขนมจะมีแป้งถั่วเขียว แป้งเค้ก แป้งมัน นมธัญพืช ใส่กะทิ ใช้เนยกี่ เน้นรสชาติ หวานน้อยอร่อยมาก มีกลิ่นความเป็นอินเดียนิดๆ สีเหลืองจะใช้สีน้ำมะม่วง สีแดง เราจะใช้น้ำสตอเบอรี่ปั่นลงไป
ซึ่งเมื่อก่อนเราทำแค่ขนมลาดูและโมทากะ แต่พอไอเดียเริ่มบรรเจิด และขายดีก็เพิ่มมาเป็นลาดูมะพร้าว ลาดูถั่วทอง จัดทำเป็นเซ็ต ที่มีทั้ง โมทกะลาดูจะขายลูกละ 35 บาท 3 ลูก 100 บาท หรือจะสั่งเป็นเซต ละ 99 บาท ก็จะมีทั้งขนมโมทะกะ เทียนกำยานและธัญพืช เซตราคา 299 บาท จะเป็นขนมลาดูมะพร้าว 9 ลูก หรือโมทกะ 9 ลูก และเซตราคา 179 บาท จะมีขนมโมทะกะลาดู เทียนหอม และกำยาน ในส่วนของขนมหนูมูสิกะ ตัวละ 59 บาท สั่ง 2 ตัว 100 บาท และยังมีขนมสำหรับคนที่บูชาพระแม่ลักษมี เราก็ทำขนมนกฮูก อาลัวดอกบัว ให้ลูกค้านำไปถวายอีกด้วย
"เราจะเน้นแนวขนมสายมู สายเทพหมดเลย เพราะตนเองมีความเชื่อว่า พระพิฆเนศ คือ เทพแห่งความสำเร็จ เมื่อตนเองทำขนมเสร็จ ขนมก็จะขายดีขายหมดทุกครั้ง ซึ่งขนมที่เราทำทั้งหมดวันนี้คือขนมที่ลูกค้าสั่งจองไว้หมดแล้ว และเตรียมแพ็คใส่กล่องจัดส่งให้ลูกค้าในวันนี้ ซึ่งตอนนี้เราใช้แป้งทำขนมไปแล้วถึง 30 กิโลกรัม หากสนใจติดต่อสั่งขนมมูได้ ที่เพจหนมไทยครูทราย" น.ส.พาขวัญ ระบุ