
เปิดประวัติ "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง ขุนพลเศรษฐกิจ "ครม.เศรษฐา1"
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2518 ปัจจุบันอายุ 48 ปี เป็นบุตรชายของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี(สมัยนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์) และนางเพ็ชรี อมรวิวัฒน์ นอกจากนี้ เขายังเป็นหลานของพลตำรวจเอก สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ
ประวัติการศึกษา
สถานะทางครอบครัว
สมรสแล้วกับนางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
เส้นทางคนการเมือง
"จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง ขุนพลเศรษฐกิจ หรือชื่อที่รู้จักในนาม "สส.หนิม" เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย (พท.) จากจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ติดต่อกันถึง 5 สมัย โดยเขาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก ในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2548 ในนามพรรคไทยรักไทย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ โดยสามารถเอาชนะยงยุทธ สุวภาพ จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น สส.คนเดียวของประชาธิปัตย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภาเป็นครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 30 ปี
ชัยชนะ 4 ครั้ง ประกอบไปด้วย
ทั้งนี้ "จุลพันธ์" ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่หัวใจประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ โดยในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554 เขาได้เข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ ที่บริเวณสนามโรงเรียนบ้านวังจ๊อม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ต่อมาในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นปีที่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสส.ในนามพรรคเพื่อไทย และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4 เขาได้รับตำแหน่ง “รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย” มีบทบาทสำคัญในการอภิปรายผลงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาโดยตลอด โดยให้ความสำคัญกับประเด็นเศรษฐกิจเป็นพิเศษ
เช่น ล่าสุดในการอภิปรายในการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีกลางเดือนก.พ.2566 จุลพันธ์เสนอแนะให้พล.อ.ประยุทธ์ ยุติบทบาทนายกฯ เพราะสร้างความเสียหายให้ไทยหยั่งรากลึกถึงระบบโครงสร้าง คนไทยหนี้สินเพิ่มขึ้น อีกทั้งปีที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อไทยพุ่งสูงในรอบ 24 ปี ทำคนไทยชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย คนไทยจนลง ขณะที่ 6 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเกือบ 2 เท่าในทุกๆ ตัว และการปรับลดภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลประโยชน์กลับไม่ได้ตกถึงประชาชน ทำให้เกิดผลที่ตามมาคือ ราคาพลังงานพุ่ง เพิ่มค่าไฟ และราคาอาหารแพงขึ้น และยังเป็นรัฐบาลที่ก่อหนี้มากกว่ารัฐบาลอื่นๆ หลายเท่า มีหนี้สินเฉลี่ย 5 แสนบาทต่อครัวเรือน ค่าแรงขั้นต่ำถูกแช่แข็ง มา 8 ปี จึงขอให้พล.อ.ประยุทธ์ไปเรียนรู้นโยบายจากพรรคเพื่อไทยที่ทำได้จริง
ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพ.ค. 2566 ขณะที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ให้พรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ "จุลพันธ์" ยังสามารถคว้าชัยชนะอย่างเหนียวแน่น ได้เข้าเป็นสส.ในสภาเป็นสมัยที่ 5 โดยเขาเป็นหนึ่งในสอง สส. จังหวัดเชียงใหม่ของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ (อีกคนคือ ศรีโสภา โกฎคำลือ)
ตำแหน่งทางการเมือง
เปิดทรัพย์สิน "จุลพันธ์"
สำหรับการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณี ส.ส.พ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ แจ้งมีทรัพย์สินรวมคู่สมรส 73,336,490 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้นเพียง 70.04 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายจุลพันธ์ 54,691,584 บาท เป็นเงินฝาก 48,134 บาท ที่ดิน 47,376,783 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6,666,666 บาท ยานพาหนะ 4.5 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 1.5 แสนบาท มีหนี้สิน 70.04 บาท
ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ แจ้งถือครองหุ้นในบริษัท โชคเจริญพร จำกัด 11,000 หุ้น ได้มาปี 2561 และบริษัท เจียงฮาย มาร์เก็ต จำกัด 500 หุ้น ได้มาปี 2562 ส่วนคู่สมรสถือหุ้นบริษัท เจียงฮาย มาร์เก็ต จำกัด จำนวน 1,000 หุ้น ได้มาปี 2562 แต่มิได้ระบุมูลค่า
โดยพุ่งเป้าไปที่การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเจอกับ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีการปิดกิจกรรมกิจการ ตัวเลขการว่างานพุ่งสูง การลงทุนของต่างชาติในไทยลดลง แม้การส่งออกของไทยจะขยับตัวดีขึ้น แต่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับประเทศอื่นทั่วโลกที่ฟื้นตัวได้อย่างดี เพราะการบริหารที่ไร้วิสัยทัศน์ ไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อรองรับการแข่งขันที่เปลี่ยนไป
ซึ่งนอกจากเศรษฐกิจที่พังพินาศความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้ง ซึ่งพลเอกประยุทธ์ได้สร้างมรดกไว้ให้คนรุ่นต่อ ๆไปคือหนี้สาธารณะ , หนี้ครัวเรือน , และหนี้ในภาคการเงินการธนาคาร
ซึ่งตั้งแต่ที่พลเอกประยุทธ์เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2557 จนถึงปัจจุบันข้อมูลล่าสุดเมื่อ เดือนมีนาคม 2564 ภาพรวมหนี้สาธารณะ พุ่งสูงถึง 9 ล้านล้านบาท และประชาชนและสาธารณะและไม่มีทุนเหมือนเจ้าสัวทุนขนาดใหญ่ ที่รวยขึ้น ซึ่งหนี้ครัวเรือนชี้ชัดว่ายิ่งพลเอกประยุทธ์อยู่นานคนไทยยิ่งจนลง
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวอีกว่าพลเอกประยุทธ์คือผู้นำแห่งการโกหกหลอกลวง ตั้งแต่การเข้ามาและสัญญาว่าขอเวลาไม่นานเคยพูดว่าตัวเองไม่ใช่นักการเมืองกระทั่งมาถึงเรื่องโควิด-19 ที่โกหกประชาชนเรื่องการอยู่วัคซีนและสัญญาจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน ซึ่งคนไทยบอบช้ำกับการโกหกบอกแล้วครั้งเล่าของพลเอกประยุทธ์
ในปัจจุบันคนตื่นรู้และลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ซึ่งจะเป็นความร่วมสลายของรัฐราชการที่พลเอกประยุทธ์สร้างขึ้นมา การทำงานที่เต็มไปด้วยคณะกรรมการซ้อนคณะกรรมการไม่รู้กี่ 10 ชั้น และเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวในโลก ที่เวิร์คฟอร์มโฮม(WFH)ในสถานการณ์วิกฤติ
“ผมไม่เชื่อว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ยินเสียงก่นด่าขับไล่ 8 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าพลเอกประยุทธ์ไม่มีความรู้ ความสามารถ ในการบริหารประเทศ วันนี้จึงถึงเวลาเห็นการเปลี่ยนแปลง ขอสมาชิกทุกคนพกเอาความเชื่อใจ ประชาชนเลือกเข้ามาเป็นผู้แทน ร่วมกันเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเพื่อรีสตาร์ทประเทศไทย” นายจุลพันธ์ อภิปรายฯ
นายจุลพันธ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ในช่วงท้ายอีกว่าขอเป็นตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ไว้วางใจให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป พร้อมยกมือตะโกน “ประยุทธ์ออกไป”
เผยภารกิจเร่งด่วน
ในฐานะรัฐมนตรีช่วยคลัง ตามที่นายจุลพันธ์ ประกาศไว้บนเพจเฟซบุ๊ก คือเตรียมเดินหน้าลดราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันและราคาค่าไฟทันทีเพื่อลดภาระให้กับประชาชนและส่งเสริมการดำเนินการทางเศรษฐกิจ (การผลิตและการขนส่ง) ตามที่พรรคเพื่อไทยให้คำมั่นไว้ ทั้งนี้ จะดำเนินการทันทีในการประชุมครม. ครั้งแรก หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (11 ก.ย.)
นอกจากนี้ ยังให้คำอธิบายที่ระบุว่า
ลดราคาน้ำมันทันที หมายถึง
ลดราคาน้ำมันดีเซล ทันทีโดยใช้กลไกการปรับลดภาษีสรรพสามิต
ระยะต่อไปจะเร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อปรับโครงสร้างราคาและภาษี ให้ราคาปรับลดลงอย่างยั่งยืน
ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน จะมีการพิจารณาช่วยเหลือชดเชยแบบเฉพาะกลุ่ม
ส่วนการลดค่าไฟทันที นั้น จะใช้กลไกการยืดการชำระหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไปก่อน ในช่วงที่ต้นทุนไฟฟ้ายังสูงอยู่ เพื่อลดภาระที่ซ้ำเติมต้นทุนไฟฟ้า
ทั้งนี้ จะทำได้ตามคำสัญญาหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ทุกฝ่าย ประชาชนชาวไทยทุกคน ต้องเกาะติดทุกก้าวสำคัญ เพื่อติดตามและเช็กลิสต์ผลงาน "ครม.เศรษฐา1" กันต่อไป