
29 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยข้อมูลเรื่องเด็กนักเรียนที่เรียนดี แต่มีฐานะยากจน จากนายเสรี อุตสาหะ ผอ.โรงเรียนบ้านขะยูง (ขะยูงศิลป์ศึกษา) ตำบลขะยูง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ว่า ตนอยากวอนขอความเมตตาจากผู้ใจบุญทั้งหลาย ที่พอมีอยู่มีกิน ได้กรุณาช่วยเหลือลูกศิษย์ของตนด้วย จำนวน 2 คน ทั้งคู่การเรียนดีมาก นิสัยดี ตน อยากเห็นอนาคตของลูกศิษย์ที่ใฝ่ฝันอยากเรียนจบสูง ๆ มีงานทำจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว และช่วยเหลือสังคมต่อไปได้
เด็กทั้งคู่กำลังจบชั้น ม.3 ในปีการศึกษา 2565 จากโรงเรียนบ้านขะยูง(ขะยูงศิลป์ศึกษา) และได้สอบเข้าเรียนต่อในโรงเรียนประจำจังหวัดศรีสะเกษได้ทั้งคู่ คนแรกชื่อ ด.ญ.กมลทิพย์ หรือน้องอ้อ อาศัยอยู่ใน ต.ปะอาว อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ส่วนอีกคนชื่อ ด.ญ.พัชรินทร์ หรือน้องเนยน้อย อาศัยอยู่ ในต.ขะยูง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
นายเสรี กล่าวว่า วันนี้ ตนได้นัดกับเด็กทั้งสองคน มารับทุนการศึกษา จากผู้ใจบุญที่เห็นข่าวจากเฟซบุ๊ก ที่ตนลงไป ผู้คนได้เห็นจึงร่วมทำบุญส่งเงินมาช่วยเหลือ ที่สำคัญวันนี้ เป็นวันที่ทางโรงเรียนสตรีศิริเกษ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดศรีสะเกษ ได้ประกาศผลการสอบเข้าเรียนต่อในชั้น ม.4 พบว่า ด.ญ.กมลทิพย์ สอบได้ในลำดับที่ 2 สายวิทย์คณิต และ ด.ญ.พัชรินทร์ ก็สอบได้ในลำดับที่ 6 สายวิทย์คณิต เช่นเดียวกัน
หลังจากนั้น ผอ.และ น้องทั้งสอง ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูสภาพบ้านที่อยู่อาศัย โดยหลังแรกเป็นบ้านของ ด.ญ.กมลทิพย์ หรือน้องอ้อ สภาพบ้านไม่ต่างจากกระท่อมนา ภายในบ้านมีเตียงนอนของ แม่กับพ่อเลี้ยง ถัดมาเป็นเตียงนอนของน้อง กับพี่สาว และที่ที่นั่งผ้าใบเป็นที่นอนของอีกคน ซึ่งเป็นหลานที่มาอาศัยอยู่ด้วย
น้องอ้อ บอกว่า บ้านหลังนี้อาศัยอยู่ด้วยกัน 5 คน ตน และแม่ ไม่มีที่นา มีเพียงพื้นดินที่ปลูกบ้านอยู่อาศัยประมาณ 100 ตร.วา เท่านั้น ส่วนแม่กับพ่อเลี้ยงก็ต้องออกหาจับปู จับปลาตามท้องนามาไว้เป็นอาหาร ขณะที่ ตน หลังกลับจากโรงเรียน ช่วงเวลา 16.00-18.00 น.ของทุกวัน ก็ไปรับจ้างกรอกน้ำใส่ถังที่โรงน้ำอยู่ใกล้บ้าน ได้ค่าแรงวันละ 200 บาท เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนหนังสือ
ด้วยสภาพที่อยู่อาศัยอัตคัด ตนจึงได้บริหารเวลาการทำการบ้านให้เสร็จอยู่ที่โรงเรียน เมื่อมาถึงบ้านก็ไปรับจ้างกรอกน้ำ และมาช่วยครอบครัวหุงหาอาหารก่อนเข้านอนต่อไป
"พ่อของตนเสียชีวิตตั้งแต่ตนเองยังเล็ก แม่ได้สามีใหม่มาอยู่ด้วย สภาพบ้านก็อย่างที่เห็น สิ่งที่จะช่วยจุนเจือครอบครัวได้ คือการประหยัดทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ไว้เป็นอาหาร ตนอยากเรียนสูงๆ เพื่อช่วยยกฐานะความเป็นอยู่ของคนในบ้าน อยากเรียนเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้" น้องอ้อ ระบุ
ขณะที่นายบุญมี น้าชายที่มีบ้านอยู่ใกล้ ๆบอกว่า อ้อ เป็นเด็กทีขยันเรียนมาก นิสัยดีมากชอบช่วยเหลืองานคนทั่วไป ไม่เคยขาดเรียน
ขณะที่ นายเสรี กล่าวเพิ่มเติมว่า อ้อ ได้รับรางวัลเหรียญทองระดับชาติ ในการแข่งขันพูด ภาษาจีน ในงานศิลปะหัตกรรมนักเรียน ครั้งที่ 70 ที่ผ่านมาด้วย
จากนั้นทาง ผอ. ได้พาไปยังบ้านเด็กหญิงคนที่ 2 ด.ญ.พัชรินทร์ หรือ น้องเนยน้อย ซึ่งอยู่ที่บ้านหนองแคน ม.2 ต.ขะยูง ไปถึงบ้านได้พบกับคุณยาย ชื่อนางช่วย อายุ 60 ปี สภาพบ้านแบบชั้นเดียว หลังคามุงสังกะสี
ยายช่วย บอกว่า ตนอาศัยอยู่กับหลานสาวเพียง 2 คน พ่อแม่น้องเนย แยกทางกัน พ่อจะเป็นคนส่งเงินมาให้น้องเนยเดือนละประมาณ 1,000 บาท ยายก็ไม่มีรายได้อะไร หาปลูกพืชปลูกผักไว้กิน สงสารแต่หลานสาว ซึ่งเป็นคนนิสัยดีมาก ชอบการเรียนเมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะอ่านหนังสือ เขียนการบ้าน
ขณะที่ น้องเนยน้อย กล่าวว่า โตขึ้นอยากเรียนมาเป็นครู จะได้ช่วยเหลือน้องๆ เด็กๆ ที่ยากจนเหมือนพ่อครูแม่ครูในโรงเรียนได้ช่วยเหลือหนูมา
ด้าน นายเสรี กล่าวว่า น้องเนยน้อย เป็นนักเรียนที่เรียนดี ขยันและได้รับรางวัลระดับชาติการคัดลายมือสื่อภาษาไทย ในงานศิลปะหัตกรรมนักเรียน ระดับชาติ ครั้งที่ 70 ทีผ่านมาด้วย
"ตน ในฐานะ ผอ.โรงเรียน ก็อยากเห็นอนาคตของเด็กทั้งสอง อยากวอนผู้ใจบุญหน่วยงานต่าง ๆ ได้เมตตากับเด็กทั้งสองคนด้วย ซึ่งตนมั่นใจว่า เขาจะโตเป็นคนดีของสังคมแน่นอน ที่สำคัญเมื่อเขาสำเร็จการวงานในชีวิตจะสามารถนำพาครอบครัวหลุดพ้นจากความอัตคัด ขัดสน และเป็นพลังกับสังคมต่อไปได้" ผอ.เสรี กล่าว