23 มีนาคม 2566 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตามที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อ ม.ค.59 ในคดีรื้อบาร์เบียร์ บริเวณสุขุมวิทซอย 10 เมื่อปี 2546 โดยตัดสินลงโทษจำคุกนายชูวิทย์ และพวก 2 ปี ลดจาก 5 ปีที่ศาลอุทธรณ์เคยพิพากษาไว้ อันเนื่องจากศาลฎีกาเห็นว่าหลังเกิดเหตุ นายชูวิทย์กับพวก ได้ร่วมกับจำเลยอื่นชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายไปบางส่วนแล้ว และยังมีการนำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด นับว่ามีเหตุปรานี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม พิพากษาแก้ว่าจากจำคุก 5 ปี ให้เหลือแค่ 2 ปี ไม่รอลงอาญา
สำหรับที่ดินที่ นายชูวิทย์นำไปยื่นศาลเพื่อขอลดโทษนั้น ถูกนำไปสร้างเป็นสวนสาธารณะ เรียกว่า “สวนชูวิทย์” เป็นไปตามเงื่อนไขที่ให้ไว้ต่อศาล ที่จะยกที่เป็นสาธารณประโยชน์ แต่ทว่าล่าสุด สวนดังกล่าวไม่มีแล้ว เมื่อพื้นที่สวนดังกล่าวกำลังก่อสร้างพลิกโฉมเป็นอาคารสูงโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ อันเป็นที่สงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมกันอย่างมากว่า การอุทิศที่ดินของนายชูวิทย์ให้เป็นสวนสาธารณะ โดยมิได้นำไปจดทะเบียนนั้น จะถือได้ว่าที่ดินกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304 โดยไม่จำต้องนำไปจดทะเบียนการให้ต่อเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 525 นั้น จะถือว่ามีผลโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วหรือไม่ หากมีผลสมบูรณ์แล้ว เป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯกทม.ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ศรีสุวรรณจึงจะนำความไปร้องถามผู้ว่าฯชัชชาติให้วินิจฉัยและดำเนินการในกรณีดังกล่าวตามหน้าที่และอำนาจ ในวันศุกร์ที่ 24 มี.ค.66 เวลา 10.00 น. ณ ศาลาว่าการ กทม.1 เสาชิงช้า เขตพระนคร
จาก
ศรีสุวรรณ จรรยา
ทั้งนี้เคยมี คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง กับ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน เช่น
1. คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๗ฒ/๒๔๗๙ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ผู้ใดจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อตัดฟ้องมิได้
2. คำพิพากษาฎีกาที่ 750/2479 การเข้าครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ของแผ่นดิน ก่อนที่ทางการจะได้ประกาศและขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์นั้น หาทำให้ที่ดินสาธารณประโยชน์นั้นเปลี่ยน สภาพเป็นอื่นไปไม่ จะครอบครองอยู่นานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
3. คำพิพากษาฎีกาที่ 665/2482 เจ้าของที่ดินจดทะเบียนที่ดินของตนให้เป็นทางสาธารณะแล้ว ย่อมหมดกรรมสิทธิ์ แม้เจ้าหน้าที่จะออกโฉนดในนามของตน หรือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของภายหลังต่อมาก็ตามก็ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์กลับคืนมา การอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณะ หรือทางหลวงนั้นไม่จำต้องโอนให้โฉนดกลับให้แก่แผ่นดิน เพียงการอุทิศโดยแจ้งชัด เช่นบอกความจำนงแก่ เจ้าหน้าที่หรือจดทะเบียนในหน้าโฉนดก็เป็นการเพียงพอ
4. คำพิพากษาฎีกาที่ 583/2483 การอุทิศที่ดินเป็นถนนสาธารณะนั้น ไม่ต้องมีการจดทะเบียน เจ้าของที่ดินได้อุทิศทางให้เป็นถนนสาธารณะโดยเจตนาอุทิศเช่นนั้นและได้ใช้กันมาถึง 8 ปี ย่อมเป็นผลสมบูรณ์ นับแต่วันเปิดให้ใช้ ไม่จำต้องรอให้มีการแก้ทะเบียนโฉนดโอนอีกตามมาตรา 1299