svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ดร.เอ้ เผยถึงเวลาทำสงครามกับ PM 2.5 ชวนคนไทยแก้ปัญหาฝุ่นพิษอย่างยั่งยืน

03 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ดร.เอ้ เผย ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ภาครัฐพยายามออกหลายๆ มาตรการ แต่ดูเหมือนจะเป็นเพียงช่วยบรรเทาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ให้กับประชาชนไปแค่พลางก่อนเท่านั้น เพราะวันนี้ปัญหาฝุ่นก็ยังคงอยู่ รวมทั้งมาตรการที่ผ่านมาก็ดูจะไม่ยั่งยืนในการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ

ศ.ดร.สุชัชวีร์ หรือ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ประชาธิปัตย์  ชวนคนไทยร่วมประกาศสงครามกับ PM 2.5 เสนอ 2 แนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน  


หลังจากที่ "เอ้ สุชัชวีร์" หรือ หรือ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เรื่องราวชวนให้ตระหนักถึงปัญหา PM 2.5 มา 2 – 3 วันติดๆ ล่าสุด ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาชักชวนให้พวกเราได้เวลาประกาศสงครามกับปัญหา PM 2.5 กันได้แล้ว

ดร.เอ้ เผยถึงเวลาทำสงครามกับ PM 2.5 ชวนคนไทยแก้ปัญหาฝุ่นพิษอย่างยั่งยืน โดยในวันนี้พบว่า ค่าฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพฯ หนักหนามาก บางช่วงเวลาติด TOP 3 เมืองสำคัญที่อากาศแย่ของโลกไปแล้ว !! 

สำหรับประเด็น ค่าฝุ่น ค่า PM2.5 นี้ ทางด้าน "ด.ร.เอ้" หรือ "ดร.สุชัชวีร์" มองว่า

แม้ที่ผ่านมาภาครัฐ จะพยายามออกหลายๆ มาตรการ แต่ดูเหมือนจะเป็นเพียงช่วยบรรเทา สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ให้กับประชาชนไปพลางก่อนเท่านั้น เพราะวันนี้ปัญหาก็ยังคงอยู่ รวมทั้งมาตรการที่ผ่านมาก็ดูไม่ยั่งยืน ซึ่งแน่นอนว่าในปีถัดไปพวกเราก็คงต้องกลับมาเจอกับปัญหานี้อีก

ศ.ดร.สุชัชวีร์ ได้เสนอ 2 แนวทางการแก้ปัญหา PM 2.5 อย่างยั่งยืน คือ 

1. “กำหนดเป้าหมาย” หากเราไม่กำหนดเป้าหมายก็คงยากในการพิชิตสงคราม การกำหนดเป้าหมาย เพื่อให้เราสามารถหาแนวทางในการบรรลุเป้าหมายได้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น 

2. “ออกกฎหมายอากาศสะอาด” นำมาประกาศบังคับใช้อย่างจริงจัง เพื่อหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการดูแล และแก้ปัญหา PM2.5  จะได้สามารถนำมาใช้เป็น “อาวุธ” ในการทำสงครามกับ PM 2.5 ถ้าไม่มีสิ่งนี้ก็เปรียบเสมือนนักรบที่ไม่มีอาวุธ ต่อให้รู้วิธีในการเอาชนะสงคราม แต่ไม่มีอาวุธก็ไม่สามารถเอาชนะสงครามได้ หลายๆ ประเทศที่รู้ตรงจุดนี้เขามุ่งมั่นผลักดันออกกฎหมาย ปรับแก้ บังคับใช้อย่างจริงจังจนแก้ปัญหาได้ 

 

 

ดร.เอ้ เผยถึงเวลาทำสงครามกับ PM 2.5 ชวนคนไทยแก้ปัญหาฝุ่นพิษอย่างยั่งยืน

ดร.เอ้ เผยถึงเวลาทำสงครามกับ PM 2.5 ชวนคนไทยแก้ปัญหาฝุ่นพิษอย่างยั่งยืน แน่นอนว่านอกจากการออกกฎหมายแล้ว ยังจะต้องมี “คณะกรรมการอากาศสะอาด” ที่เปรียบเสมือนเสนาธิการ แม่ทัพ ซึ่งจะทำหน้าที่กำกับดูแล วางนโยบาย ดำเนินการ และติดตามการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ ซึ่งคณะกรรมการนี้ ควรประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีอำนาจจากหลายภาคส่วนมาร่วมมือกัน

 

"ได้เวลาประกาศสงครามกับปัญหา PM 2.5 กันแล้ว โดยในวันนี้พบว่าค่าฝุ่นของกรุงเทพหนักหนามาก บางช่วงเวลาติด TOP 3 เมืองสำคัญที่อากาศแย่ของโลกไปแล้ว"

 

ชวนคอข่าวร่วมย้อนไปอ่านโพสต์ก่อนหน้าของ ดร.เอ้ ใจความระบุไว้ว่า

.
PM2.5 คนกรุงตายผ่อนส่ง


ผมพูดเรื่อง PM 2.5 มาตลอดเพราะเจอปัญหานี้กับตัวเอง ลูกของผม น้องอิชิ ก็แพ้ PM 2.5 ผื่นขึ้นหน้า ไอจามมาหลายปี เนื่องจากเด็กตัวเล็กนั้นภูมิคุ้มกันยังไม่มาก ผมก็เชื่อว่ายังมีเด็กน้อย ลูกที่น่ารักของคุณพ่อคุณแม่อีกหลายท่านที่ได้รับอันตรายจากปัญหา PM 2.5 เช่นกัน

มีรายงานข่าวออกมาว่าปี 2565 ที่ผ่านมาชาวกรุงเทพฯ ได้สูดอากาศที่ดี เพียงแค่ 49 วัน คิดเป็น 13.42 %หรือประมาณเดือนครึ่งเท่านั้น แถมยังต้องสูดฝุ่น PM 2.5 เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ถึง 1,224 มวนเลยทีเดียว

หลายท่านอาจจะสงสัยว่า บุหรี่ 1,224 ม้วนมากจากไหน ?
เมื่อปลาย ปี 2558 “ริชาร์ด เอ. มุลเลอร์” นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน และเอลิซาเบธ มุลเลอร์ ลูกสาว ได้มีนำเสนอการเปรียบเทียบ การสูดหายใจเอา PM 2.5 เข้าไปในร่างกาย 22 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ใน 1 วัน เทียบเท่ากับ การสูบบุหรี่ 1 มวน เพื่อให้คนได้ตระหนักถึงอันตรายของฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเมื่อมีการเอานำค่าฝุ่นแบบค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงในแต่ละวันของปีก่อนมาคำนวณเปรียบเทียบจะทำให้เราพบว่า ปีที่ผ่านมาเรา ฯ สูดดมฝุ่นพิษ PM2.5 เทียบเท่าการสูบบุหรี่ ทั้งหมดจำนวน 1,224.77 มวน หรือเฉลี่ย 3.35 มวน/วัน เลยทีเดียวน่าห่วงมาก

ที่ผ่านมามีการออกมาตรการต่าง ๆ ออกมา เพื่อให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น แต่จากสถิติที่เปรียบเทียบพบว่าค่าฝุ่นในปี 2565 ลดลง 37 มวน จากปี 2564 ที่มีจำนวน 1261 มวน  หรือลดไปจากปีก่อนหน้าเพียง 2.93% เท่านั้น แทบไม่ลดลงเลย 

ดร.เอ้ เผยถึงเวลาทำสงครามกับ PM 2.5 ชวนคนไทยแก้ปัญหาฝุ่นพิษอย่างยั่งยืน

ถึงแม้ในความเป็นจริงควันพิษบุหรี่อาจจะมีสารพิษที่เป็นอันตรายมากกว่า แต่เราก็ละเลยอันตรายจาก PM 2.5 ไม่ได้จริงๆ งานวิจัยระบุว่าคนไทยเสียชีวิตจากฝุ่น PM2.5 ประมาณ 70,000 คนต่อปี ขณะที่องค์การอนามัยโลกพบว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจาก PM2.5 สูงเป็น 4 เท่าของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจรทางบก 

หลาย ๆ ท่านก็บอกว่าปัญหานี้แก้ไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องทนอยู่กันไป ผมขอยกตัวอย่างการแก้ปัญหาของกรุงลอนดอนที่ในอดีตเคยเจอปัญหาฝุ่นพิษมาหนักมามากกว่าเราวันนี้เขาก็สามารถทำให้อากาศกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ถึงแม้จะใช้เวลาหลายสิบปี ในการเปลี่ยนจากฉายาจาก“City of fog” หรือ เมืองแห่งหมอก มาเป็นเมืองที่อากาศสะอาดได้ #จะทำก็ทำได้

ในปัจจุบันแค่อากาศสะอาดอย่างเดียวยังไม่พอเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน “ซาดิก ข่าน” นายกเทศมนตรีลอนดอนยังได้ตั้งเป้าหมายที่สูงกว่านั้นนั้นคือทำให้ “อากาศในเมืองนั้นบริสุทธิ์และปลอดภัย” โดยตั้งเป้า ลดระดับฝุ่น PM 2.5 ให้เหลือเพียง “10 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร” ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในปี 2573 หรือ 2030 ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินนโยบายต่าง ๆ อย่างจริงจัง #รู้ไว้ไม่เสียหาย เช่น

  • การกำหนดเขตควบคุมการปล่อยมลพิษต่ำ (ULEZ) ซึ่งทำให้ค่า PM 2.5 ลดลง 27 % ใน 2 ปี 
  • ขยายเครือข่ายการตรวจสอบคุณภาพอากาศ เพื่อทราบจุดที่มีมลพิษได้ละเอียดขึ้น การขยายระบบขนส่งสาธารณะให้ทั่วถึงมากขึ้น มีการดูแลควบคุมรถบัสและรถแท็กซี่ เพื่อลดมลพิษที่เกิดจากการขนส่งบนท้องถนนซึ่งเป็นแหล่งปล่อย PM2.5 ในท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด

 

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเมืองและหลายประเทศที่เจอมาหนักกว่า แต่เขาก็ทำได้สำเร็จ ได้เวลาแล้วรึยังที่เราจะหยุดนิ่งเฉยกับปัญหานี้ มาร่วมกันแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังกัน เพื่ออนาคตของลูกหลานไทยกันนะครับ

#ฝุ่นpm25 #กรุงเทพ #ฝุ่นจิ๋วร้ายภัยสุขภาพ  #ฝุ่นละอองขนาดเล็ก #แก้ปัญหาฝุ่น #ปัญหากรุงเทพ

ปิดท้ายกันที่

PM 2.5 คือ วิกฤตกรุงเทพ คือจริง

ลูกหลานตายผ่อนส่ง เราไม่ควรอยู่เฉยครับ #ฝุ่นpm25

ขอขอบคุณที่มา : เอ้ สุชัชวีร์

ดร.เอ้ เผยถึงเวลาทำสงครามกับ PM 2.5 ชวนคนไทยแก้ปัญหาฝุ่นพิษอย่างยั่งยืน


 

logoline