svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

แม่สุดเศร้า ลูกวัย 3 ขวบ ป่วยมีอาการชักตาค้าง พยาบาลไม่สนใจ สุดท้ายเสียชีวิต

20 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้หญิงคนหนึ่งโพสต์เรื่องราวลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พูดถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือการเสียลูกชายวัย 3 ขวบ ที่มีอาการป่วยตัวร้อนมีไข้ เช้าวันต่อมา จึงนำตัวลูกส่ง รพ. เธออ้างว่าบุคลากรในโรงพยาบาล ไม่มีใครสนใจดูแลอาการลูกของเธอ จนสุดท้าย ลูกเธอเสียชีวิต

20 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อน.ส.ทราย (นามสมมติ) แม่เด็ก 3 ขวบที่เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2565 น้องเริ่มมีอาการไข้และตัวร้อนได้ให้น้องกินยาลดไข้แล้วนอน  พอเช้าวันที่ 23 ธ.ค.2565 ไข้น้องไม่ลดลง เลยพาน้องไปรักษาตามสิทธิ์ที่ศูนย์ 24

จากนั้นศูนย์ 24 ได้ส่งตัวน้องไปที่โรงพยาบาลรัฐย่านสะพานใหม่ กทม. เพราะน้องไข้สูงและมีผื่นขึ้นตามตัว กังวลว่าน้องจะเป็นไข้เลือดออก ไปถึงโรงพยาบาลประมาณ 12.00 น. พอไปถึงได้มีการเจาะเลือดไปตรวจ แต่ยังไม่ทราบผล และเวลาประมาณ 16.00-17.00 น. น้องได้เข้าห้องนอนรักษาที่โรงพยาบาล กว่าน้องจะได้ทานยาก็เวลา 4 ทุ่ม ระหว่างนั้นน้องไข้สูงหนาวสั่น 39-41 องศา ต้องเช็ดตัวอยู่ตลอด

แม่สุดเศร้า ลูกวัย 3 ขวบ ป่วยมีอาการชักตาค้าง พยาบาลไม่สนใจ สุดท้ายเสียชีวิต

ต่อมา วันที่ 24 ธ.ค.2565 ไข้น้องยังไม่ลด ได้เจาะเลือดน้องไปอีก 2 ครั้ง มีการเอ็กซเรย์และตรวจอุจจาระ แต่ยังไม่ทราบผล ได้แต่เช็ดตัวเป็นระยะ น้องมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรงจะนอนอย่างเดียว จนเวลา 14.00 น.น้องได้ทานยาลดไข้ครั้งที่ 2 น้องเริ่มทานยายากแล้ว และพยาบาลได้มาช่วยเช็ดตัวเนื่องจากไข้ไม่ลด ระหว่างเช็ดตัว น้องได้มีอาการตาเหลือกน้ำลายไหล ตนเองกับสามีได้บอกพยาบาล แต่พยาบาลบอกว่าน้องไม่ได้ชักน้องแต่เกร็งไม่ต้องกังวล จนเวลาผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมง ได้ถามอีกครั้งพยาบาลว่าทำไมตาน้องยังค้าง พยาบาลก็ยืนยันคำเดิมว่า เป็นอาการหลักจากน้องเกร็ง   

ต่อมา ได้มีหมอลงมาดู แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร จนตนเองทนไม่ไหว โวยวายว่าจะขอย้ายโรงพยาบาล หมอถึงลงมาดู และแจ้งว่า อาการที่น้องเป็นคือน้องชัก ตนเองรู้สึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้พยาบาลบอกว่าไม่ชัก หมอได้ฉีดยากันชักให้น้อง แล้วได้ใส่เครื่องช่วยหายใจให้น้อง

แม่สุดเศร้า ลูกวัย 3 ขวบ ป่วยมีอาการชักตาค้าง พยาบาลไม่สนใจ สุดท้ายเสียชีวิต

แต่หมอไม่ได้อยู่ด้วยตลอด มีอาการที ก็โทรตามที และมีการจดข้อมูลการรักษาลงในสมุดเหมือนกำลังศึกษาอยู่ หลังจากน้องได้ฉีดยากันชัก น้องก็เริ่มมีอาการไม่ได้สติ ถ่ายเหลวและอ้วกเป็นเลือด ได้เรียกพยาบาลมาดู พยาบาลบอกว่าน้องกัดปาก และผ่านมาอีกประมาณ 10 นาที น้องได้อาเจียนอีกครั้ง แต่เยอะกว่ารอบแรก อาเจียนเป็นเลือดลิ่มๆ ตนเองจึงโวยวาย จนมีพยาบาลออกมาดูกันเยอะเลย แต่ก็ไม่ทำอะไรเพียงแต่ถ่ายรูปและคุยโทรศัพท์  

ต่อมา ตนเองได้ขอย้ายโรงพยาบาล หมอบอกว่า ไม่ทันแล้ว น้องอาการทรุด จนเวลา 18.00 น. หมอได้ให้พ่ออุ้มน้องไปส่งในห้องกระจก และเอาเอกสารให้แม่เซ็น และแจ้งว่าจะพาน้องขึ้นไปรักษาต่อที่ ICU เด็ก ระหว่างนั้นได้มีพยาบาล หมอ นักศึกษาแพทย์ได้วิ่งเข้าออกห้องนั้นเป็น10 คน สอบถามอาการน้อง พยาบาลก็หัวเราะใส่แม่ถึง 2 ครั้ง บอกให้รอคุยหมอ 

จนเวลาประมาณ 21.30 น. น้องพึ่งได้ขึ้นไปห้อง ICU และหมอได้แจ้งอาการประมาณ 23.00 น.ว่าระหว่างใส่เครื่องช่วยหายใจ น้องได้มีอาการหัวใจหยุดเต้นไป 6 นาที แต่ก็ปั้มกลับมาได้ ตนเองจึงได้ขอย้ายโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่หมอแจ้งว่าขนาดย้ายขึ้นมา ICU ยังลำบากเลย ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด 

แม่สุดเศร้า ลูกวัย 3 ขวบ ป่วยมีอาการชักตาค้าง พยาบาลไม่สนใจ สุดท้ายเสียชีวิต

ต่อมาวันที่ 25 ธ.ค.2565 เวลา 00.18 น. หัวใจได้หยุดเต้นครั้งที่ 2 เวลา 00.30 หัวใจหยุดเต้นครั้งที่ 3 แต่ปั้มกลับมาได้ ตนเองจึงขอเข้าไปดูลูกที่ห้อง ICU เวลาประมาณ 02.00 น้องนอนน้ำตาลไหล ไม่ได้สติ หายใจเองไม่ได้ จนเวลา 04.00 น. หมออัปเดตอาการว่าน้องอาการคงที่แล้ว แม่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้านก็ได้ หากมีอะไรจะโทรแจ้ง แม่เลยกลับบ้านมาทำธุระและตอน 05.00 น.ได้กลับไปรอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

พอประมาณ 11.00 น. หมอได้ออกมาแจ้งว่า ระหว่างที่แม่กลับไปหัวใจน้องหยุดเต้นไป 6 ครั้ง และไม่ตอบสนองต่อยาที่ทำการรักษา และซีกโครงซ้ายหัก 1 ซี่ ให้เรียกญาติมาว่าจะเอายังไง  จนญาติมาครบได้บอกว่า หากน้องไม่ไหวให้ปล่อยน้องได้เลย เวลาประมาณ 13.00 น. หมอได้ออกมาแจ้งอาการน้องว่า หัวใจหยุดเต้นเป็นระยะ ได้เปลี่ยนยาที่ฉีดให้ แต่ชีพจรยังเต้นอ่อนมาก  ส่วนซีกโครงน้องไม่ได้หักเหมือนหมอคนที่แล้วแจ้งไว้


แม่สุดเศร้า ลูกวัย 3 ขวบ ป่วยมีอาการชักตาค้าง พยาบาลไม่สนใจ สุดท้ายเสียชีวิต

จนเวลา 17.00 น. ออกมาแจ้งอีกครั้ง ว่ามีการตรวจพบว่าน้องเป็นไตระยะที่ 3 และทางโรงพยาบาลไม่มีเครื่องฟอกไตสำหรับเด็ก จะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นก็ไม่สามารถทำได้เพราะชีพจรต่ำมาก และหัวใจหยุดเต้นบ่อย จนเวลา 19.00 น. หมอออกมาแจ้งว่าให้ญาติทำใจได้ปั้มหัวใจน้องเกิน 30 นาทีแล้ว แต่ไม่กลับมา และน้องได้เสียชีวิตลงเวลา 19.39 น. ในวันที่ 25 ธ.ค. 2565

ก่อนหน้านี้น้องแข็งแรงมากและไม่เคยป่วย แม่ตั้งคำถามกลับโรงพยาบาลว่า ตอนที่น้องยังไม่เป็นอะไรทำไมนิ่งนอนใจกัน ไม่กล้าตัดสินใจในการรักษา การเจาะเลือดถึง 3 ครั้ง ยังไม่ทราบอีกหรอว่าน้องมีอาการอะไร  หมอลงในสาเหตุการตายว่าติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นเรื่องจริงหรือไม่ 

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ  ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ได้ประสานไปยังท่านเลขารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแล้ว ถ้าเป็นการเสียชีวิตที่เกิดจากความประมาท สามารถมายื่นรับเงินเยียวยาในส่วนของกระทรวงที่ทำได้ด้วย ตอนนี้ได้ติดต่อท่านผู้บริหารโรงพยาบาลรัฐแห่งนี้แล้ว ทางผู้บริหารโรงพยาบาลพร้อมจะชี้แจงทุกประเด็นที่แม่สงสัยในการเสียชีวิตของลูก ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ขึ้นมา 1 ชุด เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ คาดว่าภายในอาทิตย์หน้า น่าจะได้คำตอบ และเชิญแม่ผู้เสียชีวิตมารับฟัง  

logoline