พบอดีตพนักงานบริษัท "ตู้ห่าว" 400 คน ถูกเบี้ยวค่าแรง จี้กระทรวงแรงงานช่วย

7 ธันวาคม 2565 ตัวแทนกลุ่มพนักงานเครือข่าย "ตู้ห่าว" ได้เข้าขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจเฟซบุ๊ก "สายไหม ต้องรอด" เพื่อให้ช่วยเหลือกรณีพนักงานประมาณ 400 คน เดือนร้อนจากการไม่จ่ายค่าแรงมานานกว่า 2 ปี โดนก่อนหน้านี้มีอดีตพนักงานออกมาร้องเรียนในเรื่องดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• ลูกจ้างบริษัท "ตู้ห่าว" ร้องถูกโกงค่าแรง ซ้ำยังถูกภรรยาที่เป็น ตร. ข่มขู่
• พบ"พัชรินทร์"ถือหุ้นบริษัท"ตู้ห่าว" 3-4 แห่ง จ่อค้น 10 มูลนิธิออกวีซ่าคนจีน (มีคลิป)
• ทนาย “พัชรินทร์” ยันไม่มีเรื่องชู้สาวกับ “ตู้ห่าว” แจงแค่ทำธุรกิจร่วมกัน

ตัวแทนพนักงานที่ทำงานในบริษัทของ "ตู่ห่าว" เปิดเผยว่า พวกตนทำหน้าที่เป็นพนักงาน ขับรถทัวร์ให้กับบริษัทในเครือของนายตู้ห่าว ซึ่งขณะนี้เป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินและขยายผลหาเครือข่าย 

กลุ่มพนักงานดังกล่าวได้ร่วมทำงานในบริษัทตั้งแต่ช่วงปี 2560 ก่อนที่มาถึงช่วงต้นปี 2563 มี การระบาดของโรค โควิด-19 จนทำให้บริษัทมีการออกประกาศปิดทำงานชั่วคร่าว เป็นเวลาสามเดือนและมีการออกหนังสือ ประกาศว่าจะมีการจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานในช่วงดังกล่าวเป็นจำนวนเงินครึ่งหนึ่งของเงินเดือน ก่อนที่ทางบริษัทจะมีการจ่ายเงินให้กับพนักงานเพียงเดือนเดียวและไม่มีการจ่ายเงินมาจนถึงปัจจุบัน 

ทางบริษัทฯ มีการยื่นข้อเสนอให้ 3 ข้อ ประกอบด้วย..

• ข้อที่หนึ่ง ยังคงค้างสถานะพนักงานและหากมีงานจะมีการเรียกให้มาทำงานเป็น ครั้งคราวแต่ไม่มีเงินเดือนให้
• ข้อที่สอง ยังคงสถานะพนักงานและจะมีการคืนเงินประกันที่มีการหักออกจากเงินเดือน ในวงเงิน 10,000 บาทแต่จะมีการจ่ายเงินให้ในรูปแบบการผ่อนชำระเดือนละ 1000 บาท แต่พนักงานสามารถไปรับงานหรือทำงานที่อื่นได้ แต่หาก แต่หากทางบริษัทมีงานและมีการเรียกใช้งานจะมีการหักเงินจำนวนดังกล่าวกลับเข้าสู่ ระบบเงินประกันพนักงานให้ครบจำนวน 20,000 บาทเหมือนเดิม
• ข้อที่สาม ทางบริษัทจะให้พนักงานพ้นสภาพการเป็นพนักงานและจะมีการคืนเงินประกันในวงเงินจำนวน 20,000 บาท แต่จะมีการผ่อนชำระเพียงเดือนละ 1000 บาทไปจนกว่าจะครบ แต่ทุกข้อไม่มีการพูดถึงเงินชดเชยการให้ออกจากงาน ตามที่กฎหมายระบุ

นอกจากนี้พนักงานบางรายยังเพิ่งทราบว่า แม้ว่าจะทำงานมานานกว่าสามปี แต่ตนเองไม่เคยมีประกันสังคม ตามที่บริษัทเก่าอ้างว่ามีการต่อระบบประกันสังคมให้ทุกปี จึงเดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ "สายไหม ต้องรอด"

สำหรับพนักงานกลุ่มดังกล่าวจะมีหน้าที่ในการขับรถทัวร์ในการพานักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยว Shopping ตามสถานที่ต่างๆที่ทางบริษัทกำหนด ซึ่งทุกที่จะเป็นที่เดิมๆและมีการตั้งกฎห้ามคนขับรถทัวร์พาไปยังสถานที่อื่นที่ไม่ได้มีการระบุจากทางบริษัท โดยมีบทลงโทษสูงสุดถึงการให้ออก และพนักงานทั้งหมดจะได้รับเงินเดือน 9,000 บาท พร้อมเบี้ยเลี้ยงในวันทำงานอีกวันละ 1,000 บาท รวมต่อเดือนจะได้เพิ่มประมาณ 25,000 บาท แต่หากพนักงานไม่ทำงานในวันใดก็จะไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงของวันนั้นๆ 

กลุ่มพนักงาน จึงอยากขอให้ทางบริษัทดำเนินการชดใช้เงินชดเชยตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้ให้กับพนักงานทุกคนรวมถึงขอให้คืนเงินประกันที่มีการหักไปจากพนักงาน คนละ 20,000 บาทคืนทั้งหมด เพราะขณะนี้พนักงานทุกคนได้รับความเดือดร้อน หลังจากที่ไม่ได้มีการทำงานมานานกว่าสองปี ทำให้ขาดรายได้และสิ่งที่ควรจะต้องได้รับ เพราะทางบริษัทไม่เคยมีการจ่ายเงินตามที่มีการตกลงกันไว้ในช่วงประกาศหยุดทำงานชั่วคราว 

"พนักงานทุกคนจะเคยเจอกับ นายตู้ห่าว เพียงสองครั้งคือในช่วงสัมภาษณ์เข้าทำงานกับช่วงกีฬาประจำปี จึงมั่นใจว่า นายตู้ห่าว คือ เจ้าของบริษัท กลัวว่าจะได้รับผลกระทบจากตู้ห่าว ถูกดำเนินคดีและมีการยึดอายัดทรัพย์ ทำให้ไม่ได้รับเงินชดเชย รวมถึงเงินที่พนักงานวางเป็นเงินประกันไว้"

ขณะที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด อยากฝากถึงกระทรวงแรงงานโดยท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานพให้เข้ามาช่วยเหลือดูแลในกรณีดังกล่าวเนื่องจากทราบว่ามีพนักงานที่รับความเดือดร้อนมากกว่า 400-500 คน เพราะบริษัท ดังกล่าวมีพนักงานอยู่เป็นจำนวนมากและทุกคนได้รับความเดือดร้อน โดยขั้นตอนต่อจากนี้ตนเองจะช่วยรวบรวมพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อนจากบริษัทดังกล่าวทั้งหมดไปยื่นขอความช่วยเหลือต่อกระทรวงแรงงานอีกครั้ง 

พร้อมกันนี้ยังขอฝากถึง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ให้ช่วย ดูแลเรื่องของทรัพย์สินดังกล่าวที่เป็นเงินของทางผู้เสียหายที่เป็นพนักงานของบริษัทนี้ด้วย เพราะถือว่าเป็นเงินส่วนตัวของพนักงานไม่ได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ต้องหาในคดี เพราะเป็นการหักเงินจากการทำงานของพนักงานทุกคนรายละ 20,000 บาท ในจำนวนพนักงานกว่า 500 คนซึ่งถือเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท จึงอยากขอให้พิจารณาในการนำทรัพย์สินของนายตู้ห่าวบางส่วนมาทำการคืนให้กับพนักงานที่รับความเดือดร้อน