นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่าถึงกรณี กลุ่ม Beach for life และ เครือข่ายประชาชน ทวงคืนชายหาด ได้ยื่นข้อเรียกร้อง เกี่ยวกับโครงการ ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล ให้รัฐบาลดำเนินการตาม 3 ข้อ คือ 1. ขอให้คณะรัฐมนตรี ยกเลิกคำสั่ง การให้อำนาจ กรมโยธาธิการ ดำเนินการป้องกันและ แก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝั่ง
2. ขอให้คณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเอาโครงการกำแพงกันคลื่นกลับมา เป็นโครงการที่ต้องทำการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิ ให้แก่ประชาชน และชุมชน และ 3.ขอให้คณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้มีการฟื้นฟู สภาพชายหาด ที่ได้รับความเสียหาย จากการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น
กรมโยธาธิการและผังเมือง ขอชี้แจง ว่า กรมฯ มีหน้าที่แก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ตามกฎหมายทุกประการ โดยได้ดำเนินโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ภายใต้พรบ.ส่งเสริมการบริหารจัดการ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 โดยมี คณะทำงานเพื่อพิจารณากลั่นกรอง และ ให้ข้อเสนอแนะ ทั้งจากนักวิชาการ ภาคปชช. NGO และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกโครงการที่จะก่อสร้างปีงบประมาณ 2565 จะต้องผ่านการกลั่นกรองและตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ปัจจุบัน กรมฯ ได้ปรับการออกแบบ เป็นโครงสร้างป้องกัน รูปแบบผสมผสาน ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม เพิ่มการเสริมทราย ชายหาดหน้าเขื่อน ซึ่งจะใช้แทนโครงสร้าง ป้องกันการกัดเซาะ ที่มีขนาดใหญ่ ในบริเวณพื้นที่ชายหาดท่องเที่ยว เพื่อลดผลกระทบ สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ก่อสร้าง
โดยจะดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างเพื่อป้องกันการกัดเซาะในพื้นที่เดือดร้อนเร่งด่วน และจำเป็นตามหลักวิศวกรรมเท่านั้น ดังนั้น การยุติบทบาท จะส่งผลต่อสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ
สำหรับประเด็น การทบทวน ให้นำโครงการ กำแพงกันคลื่น กลับมาเป็นโครงการ ที่ต้องทำการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น ในขณะนี้ อยู่ระหว่าง การพิจารณาทบทวน โดยสำนักงานนโยบาย และ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว
โดยกรมฯ พร้อมจะดำเนินการต่อไป ส่วนแนวทางการฟื้นฟูสภาพชายหาดบริเวณพื้นที่ชายฝั่งของประเทศไทยที่ได้รับความเสียหาย มีหน่วยงาน ที่รับผิดชอบดูแล คือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง