
นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ปัจจุบันการซื้อขาย "รถมือสอง" ทำได้ง่ายขึ้นและมีหลายช่องทาง ประกอบกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดการซื้อขายรถมือสอง มีการพัฒนาเทคโนโลยี การซื้อขายผ่านแอปพลิเคชัน หรือการลงประกาศซื้อขายรถมือสองผ่านเพจโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเป็นห่วงและเตือนประชาชนที่ต้องการซื้อขายรถมือสอง ไม่ควรซื้อขายรถด้วยวิธีการโอนลอยโดยเซ็นเอกสารไว้แล้วมาดำเนินการในภายหลัง เนื่องจากอาจก่อปัญหาให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น กรณีผู้ซื้อไม่ดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี รถเกิดอุบัติเหตุ หรือนำรถไปกระทำผิดกฎหมายซึ่งยังคงปรากฏชื่อเจ้าของรถรายเดิมในระบบทะเบียน สร้างปัญหายุ่งยากให้เจ้าของรถรายเดิม นอกจากนี้การไม่นำรถเข้ามาดำเนินการโอนทางทะเบียนยังทำให้ผู้ซื้อไม่อาจตรวจสอบความถูกต้องของรถได้โดยสมบูรณ์ว่าเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาหรือไม่อีกด้วย
โดยหลักฐานการโอนที่ผู้ซื้อผู้ขายที่ต้องเตรียมมาโอนรถ ณ สำนักงานขนส่ง ได้แก่
1) ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือเล่มทะเบียนรถตัวจริง
2) สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
3) สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
4) แบบคำขอโอนและรับโอนที่กรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียบร้อย ในกรณีเป็นนิติบุคคลต้องใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
ทั้งนี้ ขบ. จะมีการตรวจสอบทะเบียนรถด้วยระบบฐานข้อมูล MDM (Master Data Management) สามารถตรวจสอบความถูกต้องของทะเบียนรถ ข้อมูลต่าง ๆ ได้แม่นยำ เพื่อความมั่นใจในการซื้อขายรถ โดยระบบจะดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ครอบครองรถในทันทีที่ได้รับข้อมูลการแก้ไข อีกทั้งยังเชื่อมโยงออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศในทุกระบบงานพร้อมเอกสารประกอบการดำเนินการทุกครั้งที่มีการแก้ไขสาระสำคัญทางทะเบียนรถ ดังนั้นชื่อผู้ครอบครองรถที่ปรากฏในระบบ จึงตรงกับที่ระบุในเล่มทะเบียนรถ ขบ. แนะนำให้ผู้ที่ต้องการซื้อขายรถมือสองทำตามขั้นตอนที่แนะนำเพื่อความปลอดภัยในการโอนรถ และไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ