29 ตุลาคม 2565 สปสช. เร่งแก้ไขปัญหาผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง หลังมีการยกเลิกสัญญากับรพ.เอกชน โดย พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ สปสช. ยกเลิกสัญญากับโรงพยาบาลเอกชน 9 แห่งในพื้นที่ กทม. เนื่องจากเบิกจ่ายเงินค่าบริการสาธารณสุขไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมานั้น
โรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวเป็นทั้งหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ และรับส่งต่อทั่วไป ซึ่งในส่วนของหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำนั้นมี 7 โรงพยาบาล และมีประชาชนจำนวน 2.3 แสนรายที่ลงทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำกับโรงพยาบาลเหล่านี้ได้รับผลกระทบ ซึ่ง สปสช. ได้เตรียมมาตรการรองรับ โดยเปิดให้ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการปฐมภูมิแห่งใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รพ.เอกชนทั้ง 7 แห่งประกอบด้วย รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด และ รพ.กล้วยน้ำไท
อย่างไรก็ดี ตามระบบที่วางไว้นั้น โรงพยาบาลทั้ง 9 แห่งนั้นมีจำนวน 8 แห่งที่มีสถานะเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อด้วย ทำหน้าที่รับดูแลผู้ป่วยต่อจากหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายในกรณีที่เกินศักยภาพของหน่วยบริการในเครือข่ายนั้น ซึ่งการยกเลิกสัญญาครั้งนี้ จะมีผู้ใช้สิทธิบัตรทองส่วนหนึ่งที่ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิอื่นแต่มี 8 โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อ
ดังนั้นเพื่อบรรเทาผลกระทบและให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองมีหลักประกันว่าจะมีโรงพยาบาลรับส่งต่อรองรับเมื่อเจ็บป่วยหนัก สปสช. ได้หารือร่วมกับกรมการแพทย์ และกรุงเทพมหานคร จัดหาหน่วยบริการรับส่งต่อชั่วคราวมารองรับช่วงเปลี่ยนผ่านในระยะเวลา 3 เดือนนับจากนี้ โดยมีรายละเอียดคือ
สำหรับ รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2 นั้นเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำเท่านั้น ไม่ได้เป็นหน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไป
“โรงพยาบาลรับส่งต่อเหล่านี้จะเข้ามาดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นการดูแลชั่วคราวในช่วงระยะเวลา 3 เดือนนับจากนี้ ขณะเดียวกัน สปสช. ก็จะประสานหาโรงพยาบาลใหม่ๆมาเพิ่มเติม และจะมีการประกาศให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง ส่วนผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรับยาและตรวจติดตามอาการต่อเนื่องนั้น สามารถไปรับยาและรับการรักษาได้ตามที่สถานพยาบาลที่ สปสช.ได้แจ้งให้ทราบแล้ว โดยดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ สปสช. www.nhso.go.th และหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 กด 6 ไลน์ไอดี @nhso หรือ Facebook สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ” พญ.ลลิตยา กล่าว