"โควิดวันนี้" เป็นโรคเฝ้าระวัง โดย 3 ปีที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างรัฐบาลแต่ละประเทศต้องใช้เงินกู้ และงบประมาณจำนวนมากในการเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ทั้งทางด้านสาธารณสุข และฟื้นฟู รวมถึงเยียวยาเศรษฐกิจเช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีการใช้ทั้งงบประมาณ และการกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในสถานการณ์นี้โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2563 - 2565)
"กรุงเทพธุรกิจ" รายงานข่าวผ่านเว็บไซต์ ระบุว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติวงเงินในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้นกว่า 2.493 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น 6 แหล่งเงิน ประกอบไปด้วยการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 4 ฉบับ ได้แก่
นอกจากนั้นในระบบงบประมาณได้มีการนำงบกลางมาใช้ในการแก้ปัญหาโควิด-19 ในด้านต่างๆ รวมทั้งการซื้อวัคซีนโดยใน 2 ปีงบประมาณรัฐบาลและรัฐสภาเห็นชอบร่วมกันในการจัดทำ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ใน 2 ปีงบประมาณ หรือ “งบกลางฯโควิด”
ในปีงบประมาณ 2564 และปีงบประมาณ 2565 วงเงินรวม 56,625.6 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลางฯโควิดปี 2564 วงเงิน
40,325.6 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 16,300 ล้านบาท
ในขณะเดียวกันได้มีการอนุมัติงบกลางจากรายการสำรองจ่าย กรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน ในปี 2563 – 2565 วงเงินรวม 37,198.06 ล้านบาทโดยมีการใช้จ่ายหลากหลายรายการทั้งการจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ ไปถึงค่าใช้จ่ายให้กับการดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับหน่วยงานความมั่นคงในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งขาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ฯ กล่าวว่าการอนุมัติโครงการเงินกู้ต่างๆตาม พ.ร.ก.นั้นสิ้นสุดลงแล้วตามกำหนดระยะเวลาที่ พ.ร.ก.กำหนดให้มีการอนุมัติโครงการต่างๆภายในวันที่ 30 ก.ย. 2565 ซึ่งเป็นวันที่สิ้นสุดปีงบประมาณ
จากนั้นเป็นขั้นตอนของการเบิกจ่ายวงเงินในโครงการต่างๆที่ได้มีการอนุมัติไปแล้วซึ่งขณะนี้มีการเบิกจ่ายเงินกู้ฯตาม พ.ร.ก.เงินกู้ฯ 5 แสนล้านแล้วกว่า 80% จึงมั่นใจว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถเบิกจ่ายได้ครบตามเป้าหมายที่วางไว้ซึ่งกำหนดว่าจะต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
ขอบคุณข้อมูล : "กรุงเทพธุรกิจ"