svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่

24 กันยายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดเบื้องลึกการทำงานของ “หมอทวีศิลป์” โฆษก ศบค. มีหลายเรื่องที่หลายๆ คน ยังไม่รู้ จะถูกเฉลยโดยที่ปรึกษา ศบค. รับเคยเจอบูลลี่หนักถึงขนาดขู่ฆ่า ขู่อาฆาต ทำเจ้าตัวเคยคิดลาออก ไปดูกันว่าที่ผ่านมา 933 วันที่ผ่านมา คุณหมอทวีศิลป์ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง

รูดม่านการทำงานมายาวนานกว่า 2 ปีครึ่ง หรือ 933 วันสำหรับภารกิจเพื่อชาติ หลังจาก ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ “ศบค.ชุดใหญ่” เห็นชอบการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด ทำให้ต้อง ยุบศบค. อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่ เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่ เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่

 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับ “หมอทวีศิลป์” หรือ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษก ศบค. ซึ่งนับเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญสำหรับการทำงานทางด้านการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ของ ศบค. ซึ่งมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่หลายคนยังไม่รู้

 

 

 

ล่าสุด ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสารของ ศบค. ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ชื่อ Warat Karuchit เปิดมุมลับๆ ลึกๆ เผยถึงการทำงานของ “หมอทวีศิลป์” ไว้ดังนี้

เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่

บางคนอาจจะคิดว่า พี่หมอทวีศิลป์ ได้เป็นโฆษก ศบค. แล้วโด่งดัง มีชื่อเสียง มีคนชื่นชอบ ชีวิตน่าอิจฉา แต่เบื้องหลังแล้ว มีหลายอย่างที่คนทั่วไปไม่รู้ เพราะพี่หมอไม่เคยออกมาโพสต์หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องเหล่านี้เลย เช่น

เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่ เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่

1. พี่หมอทำงาน 7 วันไม่เคยหยุดตลอดช่วงโควิด โดยปีสองปีแรก ที่มีแถลงทุกวัน ก็ต้องประชุมทุกวัน วันละอย่างน้อย 4-5 รอบ เช้าตรู่ที่ สธ. แล้วมาต่อที่ ศบค. ชุดเล็กที่ทำเนียบ แล้วต่อด้วยทีม strategic communication แล้วก็เตรียมกับทีมโฆษก เลือกประเด็น แล้วก็แถลงข่าว และส่วนใหญ่ช่วงบ่ายหลังแถลง ก็ต้องกลับไปประชุมต่อที่ สธ. ช่วงหลังพี่หมอต้องไปตรวจราชการที่อีสาน ก็ต้องบินไปบินมาตลอด

 

2. การทำงานโควิด 7 วันของพี่หมอ ทำให้ไม่ได้ไปออกตรวจที่ รพ.เอกชน สูญเสียรายได้ไปพอสมควร 

 

3. พี่หมอไม่รับงานสัมภาษณ์ งานโฆษณา ใด ๆ ทั้งสิ้น ที่มีคนติดต่อมาจำนวนมาก ทิ้งรายได้ไปไม่น้อย เพราะพี่หมอบอกว่า "ถ้ารับหนึ่งที่ ก็ต้องรับทั้งหมด" ซึ่งเป็นไปไม่ได้

 

4. ช่วงที่สถานการณ์ดี ก็มีคนชื่นชม แต่ช่วงที่สถานการณ์ไม่ดี พี่หมอกลายเป็นเป้าในการบูลลี่ ด้อยค่า ด่าหยาบคายต่าง ๆ นา ๆ รวมไปถึงครอบครัวที่ได้รับผลกระทบด้วย จนบางคืนก็นอนไม่หลับ และเคยคิดว่าจะขอลาออกจากการทำหน้าที่ 

 

5. บางครั้งมีการบูลลี่หนักถึงขนาดขู่ฆ่า ขู่อาฆาต ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครโดนก็ต้องรู้สึกแย่ทั้งนั้น

 

6. แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเครียดหรือเร่งด่วนแค่ไหน เช่น ข้อมูลมาก่อนแถลงไม่กี่นาที หรือประชุม ศบค. ใหญ่จบก่อนกำหนดแถลงแค่ไม่กี่นาที พี่หมอก็ไม่เคย "สติแตก" หรือเสียอาการให้เราเห็นเลย และพี่หมอจะเป็นคนตัดสินใจเองคนสุดท้ายทุกครั้ง ว่าจะพูดเรื่องอะไร ไม่พูดเรื่องอะไร ถามว่าเคยมีพูดผิดไหม ตอบได้เลยว่ามี 555 แต่ด้วยความนิ่ง และออร่าของความมั่นใจของพี่หมอ ทำให้พวกเราก็ไม่สติแตกหรือกังวลไปด้วย และทำให้การแถลงจบลงด้วยดีทุกครั้ง (ผิดก็ค่อยมาพูดชี้แจงในครั้งต่อไปเท่านั้นเอง) 

เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่

7. เอาจริง ๆ หน้าที่ผมคือผู้ช่วยโฆษก ศบค. ในฐานะนักวิชาการด้านการสื่อสาร แต่ว่าตั้งแต่เริ่ม พี่หมอก็ไม่ต้องการคำแนะนำในการสื่อสารอะไรเลย ทำได้อย่างดีเยี่ยมและเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องซ้อม ไม่ต้องแนะนำเลย ผมก็เลยช่วยเรื่องหาข้อมูลและประเด็นเสริม และช่วยสื่อสารนอกรอบมากกว่า 

 

8. เวลามีคนแซวเรื่องความดัง พี่หมอก็พูดอยู่เสมอ ๆ ว่า "อย่าไปยึดติด ของแบบนี้มันมาแล้วก็ไป เดี๋ยวคนก็ลืม"

 

9. พี่หมอ เป็นคนถ่อมตัวและสุภาพอย่างมาก และติดดิน กินข้าวกล่องกับพวกเราตลอดไม่เคยบ่น และอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน ชอบแซวทีมงาน และคิดถึงความรู้สึกคนอื่นและหาทางช่วยผู้อื่นเสมอ (รวมทั้งผมด้วย) สมกับที่เป็นจิตแพทย์ 

 

10. นอกจากนั้น อีกสิ่งที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ก็คือ เบื้องหลังข้อมูลที่พี่หมอแถลงนั้น ผู้ที่เป็นแบ็คอัพสำคัญอย่างยิ่งมาตลอดตั้งแต่ต้นจนวันสุดท้าย คือหมอติ๋ง (พญ.สุมนี ที่มีบางครั้งช่วงหลังก็ออกมาแถลงเอง) ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค ที่เป็นคนเก่งมาก ๆ แม่นข้อมูลทุกอย่าง หาข้อมูลได้ทุกเรื่อง ประสานงานได้ 360 องศา และลุยงานหนักตลอดทั้งช่วงโควิดไม่แพ้พี่หมอเลย และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของการสื่อสารออนไลน์ของกรมควบคุมโรค ที่เพิ่งได้รับรางวัลโซเชียลอวอร์ดไปด้วย

 

สิ่งเหล่านี้คือส่วนเล็ก ๆ ที่ผมเคยได้ร่วมงานกับพี่หมอทวีศิลป์ และผมเชื่อว่าเราโชคดี ที่มีพี่หมอทวีศิลป์ มาเป็นโฆษก ศบค. และได้หมอติ๋งมาเป็นทีมซัพพอร์ต ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดช่วงหนึ่งของประเทศ ที่ช่วยให้คนทั้งประเทศผ่อนคลายความกังวล และร่วมกันสู้กับวิกฤตไปด้วยกันจนเราผ่านวิกฤตมาได้ 

 

พี่หมอเอง ก็ต้องเสียสละอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อการทำหน้าที่โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ถือเป็นฮีโร่อีกคนหนึ่ง ร่วมกับบุคลากรการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคน ในสงครามโควิดครั้งนี้ครับ

ชวนเปิดประวัติ "หมอทวีศิลป์" วิษณุโยธิน เด็กสู้ชีวิต จากตำแหน่ง "โฆษก ศบค.-ผู้ตรวจราชการฯ " สู่ "รองปลัดสาธารณสุข" ในวัย 57 ปี

 

ชื่อของ "หมอทวีศิลป์" หรือ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำหน้าที่แถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในช่วงที่ผ่านมา เมื่อปี 2563 ที่ประชุม ครม.ได้มีมติแต่งตั้งเป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กระทั่งประกาศล่าสุด 30 สิงหาคม 2565 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้แต่งตั้ง หมอทวีศิลป์ เป็น รองปลัดกระทรวงฯ คนล่าสุด

 

เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่

 
หมอทวีศิลป์ หรือ ชื่อเล่น "ศิลป์" เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2508 ปัจจุบันอายุ 57 ปี บิดาชื่อ เว้งกวง แซ่โต๋ว มารดาชื่อ เพ็ญนภา 

ครอบครัวมีอาชีพค้าขาย เปิดร้านโชวห่วย อยู่หน้าตลาดเทศบาล 2 จังหวัดนครราชสีมา ในวัยเด็กต้องช่วยพ่อแม่ขายของทุกวัน กระทั่งชีวิตหักเห เมื่อคุณพ่อประสบอุบัติเหตุต้องขาพิการ 

 

ฐานะครอบครัวพลิกผัน จากเคยอยู่ที่ตลาด ต้องย้ายออกมาอยู่นอกเมือง บนที่ดินที่ผู้เป็นพ่อสะสมเงินซื้อไว้แถวชานเมืองโคราช เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ริมทางรถไฟถนนมิตรภาพ

 

กำลังหลักในครอบครัวกลายมาเป็นแม่และลูกชายทั้ง 5 คน ที่ประกอบด้วย พี่ชายคนโต คือ ทวีศักดิ์ ต่อด้วย ทวีศิลป์ คนกลาง คือ ทวีชัย และ ทวีโชค น้องสาวคนเล็ก คือ รวีวรรณ น้องสาวคนสุดท้องเป็นกำลังเสริมให้กับแม่

 

โดยบุตรคนที่สอง คือ ศิลป์ หรือ ทวีศิลป์ ลูกคนที่ 2 นั้น มีหน้าที่หลัก เลี้ยงหมูขาย ไม่เพียงแค่นั้น เขายังวิดบ่อหาปลาเพื่อนำไปขาย รวมถึงทำทุกอย่างที่จะมีรายได้เพื่อประคองครอบครัว เคยลำบากชนิดที่เรียกว่า ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ ไม่มีอะไรให้หมูกิน จนต้องเดินไปขอ "น้ำข้าว" ตามบ้านเพื่อมาเลี้ยงหมู ต้องเก็บผักตบชวามาซอยผสมรำข้าวกับน้ำข้าว โดยมีพ่อช่วยหาฟืนจากญาติที่ทำเฟอร์นิเจอร์ นำขี้เลื่อยจากเศษไม้เป็นใช้เป็นฟืนเพื่อต้มข้าวให้หมู

 

กระทั่งเข้าสู่ช่วงมัธยมได้เรียนต่อที่โรงเรียนบุญวัฒนา จากความฝันของผู้เป็นพ่อและแม่ที่ตั้งใจอยากให้ ลูกๆ โตมาขึ้นมาเป็น หมอ เพราะเชื่อว่า การได้เป็นหมอ ได้เรียนดีๆ จะเปลี่ยนแปลงความทุกข์ยากของเราได้ ซึ่งดูจะสวนทางกับความคิดของผู้เป็นลูกที่รู้ตัวว่า ไม่ได้เป็นคนหัวดี เพราะถนัดและชอบด้านศิลปะ กระทั่งเคยประกวดได้เงินรางวัลมาแล้ว

 “หมอทวีศิลป์”  เผยเคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่

ด.ช.ทวีศิลป์ จบมัธยมมีคะแนนอยู่ในอันดับต้นๆของ สายวิทย์-คณิต ทั้งยังสอบติด "จิตแพทย์" โควต้าแพทย์ชนบท ที่คณะแพทย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังเรียนจบแพทย์ปีที่ 6 เริ่มต้นทำงานที่โรงพยาบาลจิตเวช นครราชสีมา กระทั่งได้กลับมาที่โคราชบ้านเกิดเพราะมีตำแหน่งให้มาลงพอดี หน้าที่ในแต่ละวัน คือ อยู่กับคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาปัญหาทางจิตซึ่งมีหลากหลาย ทั้งวิตกกังวล มีอาการเครียด อาละวาด คลุ้มคลั่ง ทำร้ายตัวเอง รวมถึงการกินยาฆ่าตัวตาย 

 
จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อที่ โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (ปัจจุบันชื่อ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา) และมีหน้าที่สอนนักศึกษาแพทย์ควบคู่กันไปด้วย และที่แห่งนี้เอง คือ จุดพลิกผันสำคัญของชีวิตเพราะต้องทำหน้าที่ตอบคำถาม อธิบายเกี่ยวกับเรื่องของจิตเวชผ่านสื่อต่าง ๆ ดูแลงานด้านวิชาการ จึงทำให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป  ในปี 2537 หมอทวีศิลป์ เดินทางไปเรียนต่อเพิ่มเติมด้านจิตเวชที่ ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ทางด้านประสาทจิตเวชศาสตร์


ปี พ.ศ. 2546 – 2547 มีข้าราชการอาวุโส สังกัดกระทรวงสาธารณสุขให้ย้ายมาอยู่กับทางกระทรวงสาธารณสุข เริ่มจากการเป็นโฆษกกรมสุขภาพจิต แล้วขึ้นเป็นผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตและสังคม พร้อมดำรงตำแหน่งโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ในปี 2552-2556 และผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ในปี 2556-2560

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560 ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา หนึ่งปีต่อมาในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561 ได้ดำรงตำแหน่ง สาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข

เผยความลับ “หมอทวีศิลป์” โหมงานศบค. เคยคิดลาออก-เจอทั้งขู่-บูลลี่

จากนั้นวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งโฆษก ศบค.จากการแต่งตั้งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มองเห็นความสามารถและศักยภาพจากหลายรายชื่อที่ถูกเสนอเข้ามา ก่อนได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ประชุม ครม. ได้มีมติแต่งตั้งเป็น รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในวัย 57 ปี

สำหรับชีวิตส่วนตัว สมรสกับ คุณวิไลรัตน์ วิษณุโยธิน เป็นกุมารแพทย์ มีบุตร 2 คน ชื่อ ธรรศ และธนวินท์

..

ล่าสุด ทางเจ้าของโพสต์ ระบุว่า 

  “หมอทวีศิลป์” โฆษก ศบค.

logoline