ตะลึง ! เทรนด์ใหม่ซื้อฉี่คนท้อง หลอกแฟนแต่งงาน "หมอ" เตือนอย่าหาทำมีโทษอ่วม

สุดช็อก! ผุดเทรนด์ใหม่ ฮิตซื้อปัสสาวะคนท้อง ผลตรวจครรภ์ โกหกผู้ชายว่าท้อง – ให้แฟนกลับมาแต่งงาน ด้านหมอชี้ชัดผิดข้อกฎหมายยังไงบ้าง

เกิดเทรนด์ฮิตแบบใหม่ที่ทำเอาหลายคนต้องตกตะลึงเมื่อได้รู้ เมื่อแฟนเพจเฟซบุ๊กของ “เรื่องเด็กๆ by หมอแอม” โดย พญ. พรนิภา ศรีประเสริฐ ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดช็อกที่พบว่าตอนนี้มีกรณีการไปซื้อปัสสาวะคนท้อง โกหกผู้ชายว่าท้อง หรือบางรายนำไปใช้เพื่อโกหกให้แฟนกลับมาแต่งงานด้วย ซึ่งในข้อมูลพบว่ามีการกระทำอย่างนี้ไม่น้อย ซึ่งราคาที่ขายก็ค่อนข้างแพง รวมถึงเป็นการกระทำผิดกฎหมายด้วย

โดยข้อความระบุว่า “เพิ่งรู้ว่ามีงี้ด้วย แถมแม่ๆเจอกันไม่น้อย เลยขออนุญาตหยิบมาเตือนภัยค่ะ ต้นโพสต์มาจากโพสต์หนึ่งในกรุ๊ปแม่ๆ เล่าว่าเจอคน(ไม่รู้จัก) inbox มาบอกว่า ท้องอยู่ใช่ไหม ขอซื้อฉี่ เพื่อไปโกหกแฟน (ผู้ชาย) ว่าท้อง เพราะแฟนมีคนอื่น อยากให้แฟนกลับมาแต่งงานด้วย โดยที่จริงๆแล้วตัวเองไม่ได้ท้อง ซึ่งในคอมเมนต์มีแม่ๆไม่น้อยเลยบอกว่าเคยเจอแบบนี้เหมือนกันและบางคอมเมนต์บอกว่าขายแพงๆเลย กล้าซื้อก็กล้าขาย”

พร้อมระบุด้วยว่า “ไม่ได้นระวังจะได้รับโทษตามกฎหมาย โดยเฉพาะหากผู้ชายยอมแต่งงาน และสืบทราบภายหลังว่าโกหก เราจะโดนโทษ ถึง 2 ใ น3 ของผู้กระทำผิด ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดหลอกลวงตัวผู้ซื้อฉี่ไปหลอกคนอื่น ก็มีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และการแต่งงานก็สามารถเป็นโมฆะได้ reset ได้หาก ผช. จับได้ว่าโกหก”

พญ. พรนิภา ทิ้งท้ายด้วยว่า “สรุปอย่าขายเหอะ ถ้าเราไม่รู้ว่าเค้าไปทำอะไร หรือหลอกลวงใคร (เพิ่งรู้จริงๆว่า มีเคสแบบนี้ไม่น้อย🥺) ฝากถึงผู้หาซื้อชีวิตเรามีค่ากว่านั้น อยู่กับคนที่เค้าเห็นค่าเราดีกว่า”

ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการกระทำผิดในเรื่องนี้

มาตรา ๓๔๑ ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนผู้ขายอาจจะต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิด

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น