เซียนพระชื่อดัง แจ้งความเอาผิดเพจ “CSI LA” เรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน

19 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กชื่อ “CSI LA” ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.4 ล้านคน ได้มีการโพสต์รูปภาพบ้านหรูหลังหนึ่ง พร้อมกับภาพงานฉลองมงคลสมรสของชายหญิงคู่หนึ่ง ท่ามกลางบรรดาแขกจำนวนมากที่มาร่วมงาน โดยชายและหญิงที่ปรากฏในภาพดังกล่าว คือ นายชนะวุธ อุทโท หรือ “อาจารย์ลิ้ง” เซียนพระเครื่อง พระบูชาชื่อดัง และภรรยา ซึ่งโพสต์ดังกล่าวยังระบุข้อความด้วยว่า 

“คนกรุงเทพอย่าดูถูกความรวยของวัยรุ่นสร้างตัว อ.ลิ้งค์ ณ กาฬสินธุ์ ที่บอกว่า ซี้กับหนุ่มกรรชัย ที่มีบ้านใหญ่เบิ้มจนคนในซอยนึกว่าพระราชวังแวไซน์! รถหรูจอดเรียงเหมือนงานมอเตอร์โชว์ ตำนาน อ.ลิ้งค์ แห่งกาฬสินธุ์: จากติวเตอร์ สู่เจ้าของวังแวไซน์” ก่อนจะมาเป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่กว่าศาลากลางจังหวัด อ.ลิ้งค์ เคยเป็นติวเตอร์ (ที่ปิดกิจการไปอย่างเงียบๆ) ต่อด้วยค้าไหมไทย (ที่ขายดีเฉพาะวันเปิดร้าน), ลองขายควายงาม ขายน้ำพริก ปั้นเหรียญ ปั้นภาพ ปั้นฝัน และสุดท้ายปั้นตัวเองข้างหลวงปู่ศิลา กลายเป็นเจ้าพ่อเหรียญสายมู! 

ว่ากันว่า เขาไม่ได้ขอพรจากหลวงปู่ แต่มาขอทำเหรียญ แล้วเหรียญนี้แหละที่หมุนชีวิตจากศูนย์ถึงซุปตาร์จังหวัด! แต่คนในพื้นที่กระซิบว่า เขาไม่ได้เดินเดี่ยว แต่มีเครือข่ายธุรกิจสีเทาครอบคลุมตั้งแต่ร้านทองยันโรงแรม (ที่พึ่งเทคโอเวอร์มาหมาดๆ) เงินไม่ได้โอนเข้าชื่อเขา แต่เข้าชื่อญาติบ้าง เมียคนปัจจุบันบ้าง (ที่ตอนนี้กลายเป็นคุณนายโรงแรม)…และทั้งหมดนี้ พึ่งจะ ‘พุ่ง’ รวยขึ้นหลังยุคโควิด ซึ่งหลายคนแค่ประคองตัว แต่เขากับรวยแบบไม่มีที่มาที่ไป” 

ทั้งนี้ ภายหลังเพจดังกล่าวโพสต์เรื่องนี้ออกไป ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นา ๆ โดยเฉพาะการตั้งคำถามถึงที่มาของความร่ำรวยของอาจารย์ลิ้ง ท่ามกลางสถานการณ์ข่าวที่กำลังมีการนำเสนอเรื่องของเครือข่ายพนันออนไลน์ และธุรกิจสีเทาอยู่ในปัจจุบัน 

เช่นเดียวกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “สุพจน์ ดำรงต์เลิศตระกูล” ที่ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า “#ข่าวจาก วัดไร่ขิง888 สู่ วังน้ำเย็น สารคาม ซักหน่อยคงราม มาขอนแก่นกระทบ อ.ลอลิง แน่ เพราะข้อมูลชี้เร่งกวาดซื้อที่ดินกับโรงแรมไม่เว้นแม้กระทั่งผับบาร์ ร้านอาหาร 

ต่อมา เฟซบุ๊กชื่อ “ชนะวุธ อุทโท (อ.ลิ้ง คชาวุธ)” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของ อ.ลิ้ง ได้โพสต์ภาพของตนเองขณะนั่งอยู่ข้างพระเกจิอาจารย์ชื่อดังภาคอีสาน (หลวงพ่อสุริยันต์ โฆษปัญโญ วัดป่าวังน้ำเย็น จ.มหาสารคาม) พร้อมระบุข้อความชี้แจงตอบโต้เพจดังกล่าวไว้ว่า 

• ประเด็นที่ 1 ฉันไปบอกตอนไหนว่าสนิทพี่หนุ่ม ฉันบอกว่าเคยคุยกัน ฉันก็เคยจริงๆ คราวกรณีหลวงปู่แสง พี่หนุ่มแกก็โทรมาเอง ฉันก็ยังมีเบอร์จนทุกวันนี้
• ประเด็นที่ 2 ว่ากุทำธุรกิจสีเทา ก็มาตรวจสอบฉันสิ ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยเกี่ยวข้อง พร้อมให้ข้อมูล พร้อมให้ตรวจสอบ เปิดหน้าชนตลอดเวลา
• ประเด็นที่ 3 ว่าร่ำรวยผิดปกติ บอกเลยว่าใช่ เพราะถ้าปกติ มันต้องรวยกว่านี้ ฉันทำงาน ทำธุรกิจ สู้ล้มสู้ตายมา ด้วยความสุจริต สร้างพระ ก็ไม่ใช่แค่ฉันที่สร้าง มันก็สร้างกันทั่วบ้านทั่วเมืองแหละ จะไม่ให้เขามีเงินกันเลยรึไง
• ประเด็นที่ 4 ใช้บัญชีเมีย บัญชีญาติรับเงินสีเทา ก็มาตรวจดู เมียฉันก็มีธุรกิจของนาง นางก็เข้าระบบภาษีเหมือนกัน สรรพากรเขาตรวจหมดแหละ เขาไม่ได้โง่
• ประเด็นที่ 5 โรงแรม และ ที่ดิน เป็นชื่อบริษัทหมด นำผลกำไรมาซื้อเป็นการลงทุนต่อยอดในธุรกิจ ซึ่งฉันเองก็เสียภาษีอ่วมอยู่เหมือนกัน การขายของทุกบาท เข้า บช.บริษัททั้งหมด วอนสื่อต่างๆ ช่วยให้ความเป็นธรรมกับผมด้วย คนเรามันจะไม่มีวันหาเงินสร้างอาชีพให้มั่นคงกันไม่ได้เลยหรอ มันต้องจนดักดานตลอดเวลาหรอถึงจะถูกใจคน ผมมั่นใจเหลือเกินว่าที่เขากล่าวหามา ผมพร้อมเปิดข้อมูล และพร้อมเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองทางกฎหมายที่ได้รับผลกระทบจากสื่อที่กล่าวหา นาทีนี้ใครโดดมาปกป้องหลวงพ่อโดนทุกคน

ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ ( 19 พ.ค.2568) นายชนะวุธ หรือ อ.ลิ้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท คชาวุธ ๔๒๘๙ อมูเลท จำกัด และเซียนพระเครื่องพระบูชาชื่อดัง พร้อมด้วย นายสุรเชษฐ์ ประสมศรี ทนายความและฝ่ายกฎหมายของบริษัท คชาวุธ ได้นำหลักฐานเป็นภาพการโพสต์ข้อความของเพจเฟซบุ๊ก และผู้ใช้เฟซบุ๊ค รวมทั้งผู้ที่คอมเมนต์ และแชร์ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย รวมกว่า 20 แผ่น เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับเพจ “CSI LA” และผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “สุพจน์ ดำรงต์เลิศตระกูล” ที่ได้มีการโพสต์ข้อความพาดพิง รวมทั้งรูปภาพ ทำให้ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงในทางธุรกิจและครอบครัว โดยกล่าวหาว่าตนเองไปยุ่งเกี่ยวธุรกิจสีเทา เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด 

นายชนะวุธ กล่าวว่า ที่ตนเองต้องเดินทางมาแจ้งความในวันนี้ ก็เพื่อต้องการปกป้องสิทธิของตนเอง และให้เกิดความยุติธรรมกับตนเอง เนื่องจากมีเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้ติดตามหลักล้านคน ได้โพสต์ข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จกล่าวหาว่าตนเองเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจสีเทา และการฟอกเงิน ซึ่งตนมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตนเองมาเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง เพราะไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ทำให้ครอบครัวตนเองได้รับผลกระทบ ทุกวันนี้ลูกก็ไม่กล้าไปโรงเรียน เพราะถูกเพื่อนล้อว่าเป็นอาชญากร ทั้งที่ยังไม่ได้มีการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีการตรวจสอบใดๆ ซึ่งตนเองก็พร้อมที่จะเข้าสู้กระบวนการตรวจสอบทุกอย่าง 

ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องและไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา การกล่าวหาจากเพจดังกล่าวสร้างความเสียหายและผลกระทบต่อตนเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก อยากถามว่าหากพิสูจน์แล้วว่า ตนเองไม่ได้เป็นตามที่กล่าวหา เพจดังกล่าวจะเยียวยาครอบครัวตนเองอย่างไร วันนี้ตนเองยืนยันว่า จะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเพจเฟซบุ๊กและผู้ใช้เฟซบุ๊ก ที่เป็นผู้โพสต์ คนละ 10 ล้านบาท ส่วนคนที่คอมเม้นและแชร์ไปในทางทำให้เสียหาย จะฟ้องเรียกค่าเสียหายรายละ 1 ล้านบาท 

นายชนะวุธ กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งประเด็นที่ตนเองเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังของการถูกกล่าวหาโจมตีทำให้เสียหายในครั้งนี้ มาจากคู่แข่งทางการเมือง เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเองได้เปิดตัวว่าจะลงสมัครเล่นการเมือง โดยจะสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. จึงอาจเป็นการวางงาน เพื่อเตะตัดขาตนเอง ซึ่งมองว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม 

ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า ตนเองเป็นวัยรุ่นสร้างตัว รวยเร็ว ก็อยากจะชี้แจงว่าตนเองทำธุระกิจมาตั้งเรียนจบ ปี 2552 ทำธุรกิจมาหลากหลาย เพื่อเลี้ยงชีพ ก็อยากถามว่า จะไม่ให้ตนเองลืมตาอ้าปากบ้างเลยเหรอ จะต้องอยากจนไปตลอดเหรอ เมื่อตนเองลืมตาอ้าปากได้ก็จะมองว่า ทำธุรกิจสีเทาเท่านั้นเหรอ ที่ผ่านมาตนเองก็เสียภาษีตามกฎหมายทุกประการ ยืนยันว่า พร้อมให้ทุกหน่วยงานเข้าตรวจสอบ และตนเองก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ 

ขณะที่ กรณีที่เพจดังกล่าว อ้างว่าตนเองสนิทกับพิธีกรชื่อดัง (หนุ่ม กรรชัย) นั้น ตนเองก็ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยบอกว่าสนิทใกล้ชิด แต่ที่ตนเองโพสต์ถึงพิธีกรดังกล่าวนั้น ก็เพราะในช่วงนั้นมีการเลือกตั้ง และตนก็โพสต์ว่า ไม่สนับสนุนการซื้อสิทธิ์ขายเสียง หากใครมีเบาะแสแจ้งผมได้เลย ซึ่งตนก็เคยคุยกับพิธีกรท่านนั้นอยู่ ก็เพียงเท่านั้น 

ด้าน นายสุรเชษฐ์ ประสมศรี ทนายความ กล่าวว่า ในวันที่มีการโพสต์ข้อความของผู้กล่าวหา ซึ่งเป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จออกสู่สาธารณะ โดยไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องก่อน ทำให้ อ.ลิ้ง ได้รับความเสียหายซึ่งวันนี้ ได้นำหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยคนโพสต์ต้นเรื่อง มีจำนวน 2 คน จะตั้งทีมทนายฟ้องเรียกค่าเสียหาย คนละ 10 ล้านบาท รวมทั้งคนที่คอมเม้นทำให้เสียหาย คนละ 1 ล้านบาท ยืนยันว่า จะไม่มีการยอมความ และความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องชดใช้เป็นเงินเท่านั้น 

ด้าน พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เผยว่า หลังจากที่ อ.ลิ้ง ในฐานะผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์เสร็จสิ้น ทางพนักงานสอบสวน ก็จะทำการออกหมายเรียกไปยังเจ้าของบัญชีเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อ “CSI LA” ให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป