"คริส" เปิดหมดเปลือก ลาออกก้าวไกล "ถ้าผมทิ้งระเบิด แหลกเป็นจุณแล้ว"(คลิป)

"รายการคมชัดลึก เนชั่นทีวี" วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ตอน..เปิดฉากหลังย้ายพรรคทิ้งบอมบ์"ก้าวไกล" พิธีกร "วราวิทย์  ฉิมมณี" ร่วมกับ "คริส โปตระนันทน์" อดีตผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่

 

"วราวิทย์" ถามถึงเหตุผลของการลาออกจากพรรค ทั้งที่มีการเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครแบบเขต กรุงเทพมหานคร "พรรคก้าวไกล"ไปแล้ว เพราะมีความไม่พอใจที่ต้องการจะลงแบบบัญชีรายชื่อใช่หรือไม่

"คริส" ตอบว่า การจัดบัญชีรายการของพรรคก้าวไกล 10 ตำแหน่งได้แน่นอน ส่วน 15 ตำแหน่งต้องมาลุ้นจากผลคะแนนที่ได้รับการเลือกตั้ง ซึ่ง"ก้าวไกล"ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า การวางตัว 10 คนแรกของบัญชีรายชื่ออย่างไร  เนื่องจากการเกิดขึ้นของพรรคก้าวไกล เกิดจากทุนของคนคนเดียว หรือกลุ่มเพื่อน แต่ตอนหลัง ก้าวไกลเริ่มรับเงินบริจาคจากสมาชิกซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 60,000 คน ซึ่งตนเองได้คำตอบมาว่าการวางส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคก้าวไกล 10 คนแรกมาจากวิธีการคัดเลือก แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ เพราะวิธีการคัดเลือกที่กำหนดขึ้นเป็นแค่พิธีกรรมเท่านั้น

 

 

"วราวิทย์" รุกต่อว่า พรรคปฏิเสธไม่ให้เป็นว่าที่ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งจุดไหนถึงบอกว่าเป็นการ "เหยียบย่ำหัวใจ"

"คริส" ตอบว่า การบริหารในพรรคการเมืองที่มายาวนาน ย่อมมีเรื่องผิดใจถกเถียงกันเป็นเรื่องปกติ แต่ประเด็นที่เห็นต่าง คือการไม่เห็นด้วยจะส่ง ส.ส.วิโรจน์ ไปลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ซึ่งในกลุ่มตนเองมีหลายคนไม่เห็นด้วย จนเริ่มมีการตั้งก๊ก ตั้งเหล่า เรียกกลุ่มตนเองว่า "ประธานกลุ่มเส้นด้าย", กลุ่มเปลือกส้ม ,ก้าวไก่ เป็นการตั้งกลุ่มเพื่อมีอำนาจต่อรองระหว่างกัน

"วราวิทย์" มองว่า เป็นเรื่องปกติทางการเมือง

"คริส" มองเช่นกันว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เกิดแรงกระเพื่อมภายในรวมทั้ง ตนเองแสดงความเห็นเรื่องการเลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร และเขตหลักสี่ มีการส่งผู้สมัครที่เป็นปาร์ตี้ลิสต์ ลงแบบเขต จึงทำให้เกิดการพ่ายแพ้ ซึ่งเป็นการดำเนินการของกรรมการบริหาร ถูกเลือกมา
บริหาร หรือเรียกว่า "โปลิตบูโร" ที่มีความไม่ชอบตนเอง แล้วตนเองจะอยู่ในพรรคได้อย่างไร เมื่อกรรมการบริหารพรรคไม่ได้มาจากการเลือกตั้งภายใน หากมาจากการคัดเลือกกันเอง ซึ่งถ้าใช้วิธีการบริหารแบบประชาธิปไตย เลือกจากคนหมู่มากตนเองพร้อมที่จะรอได้ เพื่อรวบรวมสมัครพรรคพวกมาขึ้นบริหารพรรคบ้าง

 

 

"วราวิทย์" ถามว่า แต่ได้ข้อมูลที่มาอีกด้านว่า "คริส" พยายามที่จะต่อรองตำแหน่งในพรรคมาตลอด เป็นตัวปัญหา เพราะหวังแต่ตำแหน่งจะให้เป็นปาร์ตี้ลิสต์ได้อย่างไร

"คริส" ตอบกลับว่า การต่อรองตำแหน่ง เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตั้งแต่ทำงานร่วมกับพรรคมา ไม่เคยขอตำแหน่งไหนเลย ตั้งแต่ลงเลือกตั้ง เทียบกับคนอื่นเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ได้ลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์หมดเลย
ส่วนตนเอง ลงแบบแบ่งเขต ไม่เคยต่อรอง หลังจากแพ้การเลือกตั้ง เขาจัดให้เป็น ผู้ช่วยส.ส. เงินเดือน 15,000 บาท ได้มาประมาณ 2 ปี และตำแหน่ง กรรมการยุทธศาสตร์ กทม. ซึ่งหลังจากนั้นไม่เคยต่อรองตำหน่งไหน แต่นี่คือผลงานที่ทำให้พรรคตลอด ถ้าสมมติพรรคมีการเลือกตั้ง และมีกลไก การเลือกผู้ลงสมัครส.ส.ที่ดีรับได้

"วราวิทย์" ถามว่าไปขอลำดับปาร์ตี้ลิสต์ 1 ใน 10 หรือ เปล่า
 

"คริส" ตอบว่า ขอไว้ในลำดับที่ 11-15 ซึ่งเปรียบเทียบว่าพรรคเหมือนทีมฟุตบอลหากไม่มองเห็นเราในความสำคัญการทำทีม 11 ตัวแรก ที่เราอยากจะลงเตะบอล แต่นี่ไม่ใช่ทีมฟุตบอล เป็นพรรคการเมือง ที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน และสมาชิกพรรค ซึ่งไม่มีกลไกนี้

 

"วราวิทย์" รุกต่อว่า เมื่อไม่ได้ดังที่หวัง จึงพาลว่า "โปลิตบูโร " คนที่มีอำนาจอยู่นอกพรรคมาเกี่ยวข้อง

 

"คริส" ตอบว่า หาก "โปลิตบูโร" ชอบ ผมก็อยู่ได้ แต่หากไม่ชอบก็อยู่ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องการพาล แต่เป็นสิ่งที่กำลังอธิบาย ถึงพรรคที่ตนเองรัก ควรจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ ไปดูบันทึกการประชุมใหญ่ย้อนหลัง ซึ่งตนเองบอกเสมอว่าพรรความให้เกียรติสมาชิก เพื่อให้โหวตการเลือกตั้ง ซึ่งหากดำเนินการเช่นนั้น ผมยอมรับได้ แต่ขณะนี้ไม่มีการปฏิบัติเช่นนั้น

 

"วราวิทย์" ถามว่า โฆษกพรรคก้าวไกล ชี้แจงว่าการเลือกผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ต้องมีความหลากหลาย กลุ่มสาชาอาชีพ กลุ่มชาติพันธ์ุ และผู้พิการ

"คริส" ตอบว่า ไม่ได้คัดค้านการคำนึงถึงความหลากหลายเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ยังไม่ได้ตอบคำถามสำคัญว่าใครเป็นผู้ตัดสิน บางคนเสนอให้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เลือกกันเอง หรือ ผู้สมัครส.ส.เขต ต่างให้ความสำคัญกับตนเอง ว่าเป็นผู้ที่สร้างฐานเสียงจากประชาชน จากปี 2562 ซึ่งพรรคก็มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถึง 50 กว่าคน แต่บางคนย้ายพรรคไป กลายเป็น "งูเห่า " ไม่รู้เท่าไหร่ ส่วนคนที่มีบทบาทจริงๆมีไม่ถึง 10 คน จึงไม่ได้ตอบคำถาม ว่าใครควรจะเป็น เพราะบทบาทของคนที่จะลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อ คือผู้ที่จะสร้างฐานเสียงจากทั้งประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มี ซึ่งตนเองทำในนามกลุ่ม "เส้นด้าย" ที่ช่วยคนในชุมชนแออัด ด้านสาธารณะสุข ทั้งประเทศรู้จักดี ผลงานที่สะสมมากน่าจะเพียงพอในการพิจารณา

 

"วราวิทย์" ถามว่า การสะท้อนว่าภายในพรรคมี " โปลิตบูโร" ถือว่าเป็นคำเปรียบเปรยที่แรงเกินไปหรือไม่ คืออะไร

"คริส" ตอบว่า ถ้าการเมืองของประชาชน ขับเคลื่อนด้วยคนกลุ่มหนึ่ง จะสะท้อนกลับไปการเมืองไทย หากผู้นำดีพรรคจะดี แต่หากผู้นำไม่ดีก็จะล่มจม ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่เป็นเจ้าของคนเดียว จะบริหารอย่างไรก็เป็นเรื่องของคุณ แต่หากสร้างพรรคให้เป็นระบบประชาธิปไตย แต่การบริหารงานในพรรคไม่ได้เป็นเช่นนั้น จะเป็นพรรค "ที่ดีแต่พูด แต่ทำไม่ได้" ซึ่งไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น

 

 

"วราวิทย์" ถามว่า มีใครบ้างที่เป็นกลุ่มมีอำนาจ ที่มีปัญหาด้วย เป็นอดีตกรรมการบริหาร อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ หรือ แกนนำในปัจจุบัน

"คริส" ปฏิเสธไม่ตอบ เพราะส่วนใหญ่ เขาไม่ชอบผม หากส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้มาจากประชาชน เก่งมีความสามารถ สมาชิกพรรคโหวตเข้ามาพร้อมสนับสนุน แต่สิ่งที่ตนเองพยายามต่อสู้ภายใน กลับยังไม่เปลี่ยน จึงจำเป็นต้องออกมาพูดภายนอก หากอนาคตพรรคก้าวไกล แก้ไขจุดนี้ย่อมเป็นผลดีต่อสังคม เพราะมีคนที่รักพรรคก้าวไกลอยู่มาก

"วราวิทย" ถามว่า มีคนพยายามผูกขาด เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ เหมือนพรรคอื่น ก็มีผู้อาวุโส ,แกนนำพรรค ,นายทุนพรรค ใช่หรือไม่ ซึ่งหากก้าวไกลทำแบบนั้นก็จะเป็นวังวนการเมืองอื่น

"คริส " ยอมรับว่า ถูกต้อง ก้าวไกล มีแอพพลิเคชั่น ซึ่งสมาชิกสามารถโหวตร่วมกันได้ แต่หากเลือกทางนี้ โดยคนกลุ่มเดียวต้องตอบสังคมให้ได้ วัดจากผลงาน ไม่ใช่คนใก้ลชิดแกนนำ หรือ ถูกใจ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา เพราะคาดหวัง ส.ส.บัญชีรายชื่อ น่าจะได้ 15 เสียงขึ้นไป ไซด์ของก้าวไกล น่าจะเหลือ 50 เสียงลดลง

 

"วราวิทย์ " ถามถึงอนาคต ของ "คริส" ไปทางไหน

"คริส" ตอบว่า ยังไม่ทราบแต่ใฝ่ฝันว่าจะเป็น ตัวแทนประชาชน ทำการเมืองแบบมีระบบโหวตนโยบาย หรือ ผู้สมัครจากพรรค การออกจากพรรคก้าวไกล ไม่ใช่การน้อยใจ หรือ โกรธ แต่เป็นการแสดงออกจุดยืนทางการเมือง ซึ่งตนเองไม่ใช่คนแรกที่ลาออกจากพรรค และมีผู้แทนประชาชน หากจะทำให้เป็นจริงได้

 

คลิป >>> ชำแหละ"โปลิตบูโร"ในก้าวไกล