
5 พฤศจิกายน 2568 เรื่องราวความน่ารักและมิตรภาพต่างสายพันธุ์ได้ถูกเผยแพร่จาก ฐานปฏิบัติการทหารพรานนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ซึ่งตั้งอยู่บ้านบูเกะสูดอ ม.2 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อ "นกเงือก" แสนรู้ 1 เดียวในโลก ที่จ่าเอกดำรง พันธ์ธูป เจ้าหน้าที่ทหารในฐานฯ ดังกล่าวเป็นผู้ดูแล และได้ตั้งชื่อนกเงือกตัวนี้ว่า “มะแอ” ที่ได้กลายเป็นขวัญใจประจำฐาน ด้วยลีลาการ "เดาะตะกร้อ" ด้วยปากที่แข็งแกร่งจนทำให้ทหารในฐานยอมรับในความแสนรู้ จากนกที่เคยได้รับบาดเจ็บกลายเป็นสมาชิก เพื่อนสุดซี้ประจำฐานฯ
จุดเริ่มต้นของ “มะแอ” จากนกที่ได้รับบาดเจ็บที่ชาวบ้านในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พบนอนบาดเจ็บลักษณะคล้ายหัดบินแล้วตกอยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ ด้วยความสงสารจึงนำกลับมาดูแลที่บ้าน แต่เมื่อมีคนเตือนว่า การเลี้ยงนกเงือกอาจมีความผิดตามกฎหมาย ชาวบ้านจึงได้ตัดสินใจนำมาฝากไว้กับ "จ่าเอกดำรง" ที่ในอดีตเคยถูกส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ อ.รือเสาะ เมื่อมีคำสั่งย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่บ้านบูเกะสูดอ อ.บาเจาะ จึงได้นำ “มะแอ” มาอยู่ด้วย มิเช่นนั้นหากปล่อยไว้มีโอกาสเสียชีวิตสูง
"จ่าเอกดำรงค์" เล่าให้ฟังขณะกำลังเล่นลูกตะกร้อกับ “มะแอ” ว่า ตอนนั้น "มะแอ" เจ็บที่ฝ่าเท้าและปาก ตนและเพื่อนๆช่วยกันป้อนอาหาร ดูแลจน "มะแอ" เริ่มบินได้ ช่วงแรก "มะแอ" ซนมาก ชอบจิกเสื้อผ้า กางเกงทหาร บินไปแขวนบนต้นไม้ใกล้ฐาน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในฐานหายเพราะ “มะแอ”
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนหลงรัก “มะแอ” คือความสามารถพิเศษที่ไม่มีใครคาดคิด คือการ “เล่นหรือเดาะตะกร้อ ”
โดยกิจกรรมนี้เริ่มในช่วงเย็นของทุกวัน หลังกำลังพลเลิกจากภารกิจ ทหารมักออกมาเตะตะกร้อ เพื่อออกกำลังกาย และทุกครั้งที่ลูกตะกร้อลอยขึ้นสูง “มะแอ” จะบินโฉบเข้ามาเล่นด้วยเสมอ จนวันหนึ่งทหารลองเดาะลูกตะกร้อให้ “มะแอ ” มันใช้ปากที่แข็งแกร่งกระแทกลูกตะกร้อกลับมาอย่างตั้งใจ กลายเป็นกิจกรรมประจำฐานที่สร้างรอยยิ้มให้กับทหารในทุกเย็น
"เมื่อถึงเวลาประมาณ 3-5 โมงเย็น ทันทีที่มีเสียงทหารโห่ร้องจากสนาม หรือเห็นลูกตะกร้อลอยสูง “มะแอ” จะบินมารอเกาะที่หลังคาเรือนนอน บ่งบอกว่า “มะแอ” พร้อมแจมแล้ว"
ในส่วนของลูกตะกร้อที่ทหารใช้เล่นกับ “มะแอ“ เป็นลูกตะกร้อพลาสติกแบบเบา หรือบางนุ่มเท้า ไม่มีผลกระทบหรือเป็นอันตรายต่อปากของ “มะแอ“ ลักษณะการเตะก็เป็นเพียงการเดาะหรือโยนขึ้นไปเบาๆ เพื่อให้ “มะแอ” ได้ตอบโต้กลับมา
นกเงือกแสนรู้ หรือ “มะแอ“ ใช้ชีวิตอย่างอิสระอยู่ภายในฐานฯ ไม่ได้ถูกกักขังหรือเลี้ยงไว้ในกรง แต่ปล่อยให้อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ บางวันก็บินวกแวะไปบ้านของชาวบ้านในละแวกนั้น ซึ่งชาวบ้านต่างก็รู้จักและรักถึงกับมีการเตรียมผลไม้ อาทิ มะละกอสุก และองุ่น ซึ่งเป็นเมนูสุดโปรดเผื่อไว้ หาก “มะแอ“ มาหาก็จะป้อนจนอิ่มหนำสำราญเป็นประจำ
สำหรับเมนูสุดโปรดรองลงของ “มะแอ” คือ ข้าวเหนียว, ลาบ, ส้มตำ และไข่เจียว ที่ทหารเคยป้อนให้ “ มะแอ” กินตั้งแต่เล็ก
อย่างไรก็ตาม ความแสนรู้ของนกเงือก หรือ “มะแอ” ก็แฝงความซน หรือสัญชาตญาณอยู่ไม่น้อย หากใครแกล้งหรือไล่ “มะแอ” จะจำฝังใจและมักหาโอกาสบินตามจิกศีรษะเพื่อเอาคืน สร้างเสียงหัวเราะให้กับเหล่าทหารหลายนายที่เคยทำพฤติกรรมดังกล่าวกับ “มะแอ“
นอกจากนี้ เมื่อถึงเวลาที่ทหารกินข้าว ใครที่กินข้าวแล้วเหลือเศษอาหาร "มะแอ" ก็จะบินมารอถึงหน้าโรงครัว เพื่อขอมีส่วนร่วมกับอาหารทุกมื้อที่ต้องได้ลิ้มรส
" มะแอ " ไม่ได้เป็นเพียงนกเงือก ที่มีความพิเศษในเรื่องของการเดาะ หรือจิกตะกร้อด้วยปากเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ ความผูกพันระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ และเป็นเครื่องสะท้อนวิถีชีวิตที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้อย่างดีเยี่ยม