
24 ตุลาคม 2568 ที่ จ.เชียงราย พลตำรวจตรีมานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม Mr.HU HAOJIE ชาวจีน อายุ 35 ปี ที่อยู่ มณฑลหูเป่ย์ สัญชาติจีน ประเทศจีน พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน รุ่น 14 สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ วีโว่ สีฟ้า จำนวน 1 เครื่อง โน้ตบุ๊กสีเงิน ยี่ห้อ Lenovo รหัสเครื่อง DESKTOP-20B1900 จำนวน 1 เครื่อง บัตร ATM จำนวน 2,057 ใบ เงินสดทั้งหมดจำนวน 537,900 บาท รวมถึงของกลางรายการอื่น ๆ และอีกราย สภ.เชียงแสน แถลงจับกุม นายรุ่งโรจน์ สงวนนามสกุล อายุ 35 ปี ราษฎร อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พร้อมของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 38 ใบ ซิมการ์ดจำนวน 39 ซิม
สำหรับการจับกุม Mr.HU HAOJIE ชาวจีนพร้อมบัตรเอทีเอ็ม 2,057 ใบ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 00.04 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.เมืองเชียงราย ออกตรวจ พื้นที่บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนธนาลัย ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พบชายชาวจีนมีท่าทางพิรุธ เมื่อเรียกตรวจได้พยายามวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวเอาไว้
เบื้องต้นทราบชื่อคือ Mr. HU HAOJIE อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ตรวจค้นพบ บัตร ATM หลายธนาคาร และสลิปโอนเงินหลายรายการ จึงควบคุมตัวสอบสวน จากการขยายผล ตรวจค้นห้องพักที่ พบของกลางจำนวนมาก ได้แก่ บัตร ATM รวม 2,057 ใบ จากหลายธนาคาร, โทรศัพท์มือถือถือ 2 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง และเงินสดรวม 537,900 บาท รวมถึงเอกสารบัญชีรายชื่อและหมายเลขบัตรจำนวนมาก
ผู้ต้องหาให้การว่า ทำหน้าที่กดและโอนเงินตามคำสั่งของชายชาวจีน ที่ติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน Lark ซึ่งเข้าข่ายเป็นเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “มีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบไว้ในครอบครองเพื่อนำออกใช้ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น หรือประชาชน , เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝากหรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนอีกราย ตำรวจ สภ.เชียงแสน ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการลักลอบส่งสมุดบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ และซิมการ์ด ผ่านบริษัทขนส่งเอกชน เพื่อส่งต่อไปประเทศลาว โดยฝากไว้ที่จุดฝากรถหน้าด่านสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ตำรวจจึงวางกำลังซุ่มตรวจ จนพบรถขนส่งบริษัทเอกชน นำพัสดุมาส่ง มีชายชื่อ นายรุ่งโรจน์ รับพัสดุไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวตรวจค้น พบของกลางเป็นสมุดบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ และซิมการ์ดจำนวนมาก
ต่อมาวันที่ 21–22 ต.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจยึดพัสดุเพิ่มเติม จากบริษัทเอกชนในพื้นที่ พบของกลางลักษณะเดียวกันหลายรายการ เครือข่ายนี้เกี่ยวข้องกับการลักลอบส่งบัญชีและบัตรไปให้กลุ่ม “จีนเทา” ที่ลาว เพื่อใช้ในแก๊งสแกมเมอร์ สร้างความเสียหายแก่ประชาชน โดยตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย จะเร่งขยายผลและยึดทรัพย์เครือข่ายตามนโยบาย รัฐบาลและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พลตำรวจตรี มานพ เสนากูล ผู้การจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจับกุมชาวจีนพร้อมกับบัตรเอทีเอ็ม 2,057 ใบ ที่ สภ.เมืองเชียงราย และการตรวจยึดบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีได้ที่ สภ.เชียงแสน แสดงให้เห็นว่า กลุ่มขบวนการพวกนี้เป็นกลุ่มขบวนการที่มีขนาดใหญ่ ต้องชื่นชมตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย และ สภ.เชียงแสน ที่ได้ตรวจตราและเข้าถึงแหล่งข่าว จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ โดยพบว่ากลุ่มผู้กระทำผิดอายุประมาณ 30 ปี ในรายของเชียงแสน ได้มีอาชีพรับจ้างรับจอดรถในพื้นที่ชายแดน โดยหารายได้พิเศษในช่วงนี้ กระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตัดวงจรการฟอกเงิน และตัดวงจรสแกมเมอร์
“มองอีกมุมหนึ่งทำให้เห็นว่า ยังมีพี่น้องประชาชน ไม่เฉพาะจังหวัดเชียงราย แต่เป็นทั้งประเทศ ที่ยังคงหลงเชื่อ เนื่องจากพฤติกรรมของมนุษย์ ที่มีความเสี่ยงต่างๆ จากการหลอกลวง ทั้งการกด SMS การหลอกลวงตามโซเชียล ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งจะต้องเร่งให้ความรู้เพื่อเป็นเกราะป้องกันต่อไป"