svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ทั่วไทย

คืน "จันทรุปราคา" เต็มดวงตรงกับประเพณี 12 เป็งของชาวล้านนา

ปรากฏการณ์ “จันทรุปราคาเต็มดวง” พระจันทร์สีเลือด เหนือฟ้าเมืองไทย ตรงกับประเพณี 12 เป็งของชาวล้านนาตามความเชื่อว่า"เป็นวันปล่อยผี" ขณะที่เชียงใหม่หลายจุดโชคดีท้องฟ้าเปิดได้ชมปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์เต็มอิ่ม

8 กันยายน 2568 ในคืนวันที่ 7 กันยายน ถึงเช้ามืดวันที่ 8 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์  “จันทรุปราคาเต็มดวง” เหนือฟ้าเมืองไทย ดวงจันทร์ปรากฏสีส้มอิฐ หรือที่หลายคนเรียกว่าพระจันทร์สีเลือด ตั้งแต่เวลาประมาณ 22:29 - 03:55 น. (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร) โดยดวงจันทร์จะเริ่มเข้าสู่เงามัวของโลกเวลาประมาณ 22:29 น. และเคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก เกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 23:27 น. จนกระทั่งเข้าสู่ช่วง “จันทรุปราคาเต็มดวง” เวลา 00:31 - 01:53 น. นาน 1 ชั่วโมง 22 นาที จากนั้นเริ่มเห็นดวงจันทร์ปรากฏเว้าแหว่งบางส่วนและค่อย ๆ ออกจากเงามืดของโลก และสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 02:57 น. และพ้นจากเงามัวของโลก จนสิ้นสุดปรากฏการณ์เวลา 03:55 น. 

โดยที่จังหวัดเชียงใหม่ แม้ว่าในช่วงเย็นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ และอำเภอแม่ริมจะเกิดฝนฟ้าคะนองลงมา เมฆฝนปิดบังทั่งท้องฟ้า แต่พอเข้าสู่ช่วงกลางคืนหลายพื้นที่รวมทั้งตัวเมืองท้องฟ้าเปิด และทำให้โชคดีที่ชาวเชียงใหม่ในหลายพื้นที่ได้ชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาแบบเต็มดวง โดยพระจันทร์ถูกเงาของโลกเข้าบดบังตั้งแต่ช่วงประมาณ 22.30 น.ต่อเนื่องจนเต็มดวงในช่วงเวลาประมาณ 00.30 น.ต่อเนื่องไปนานกว่า 1 ชั่วโมง และเป็นช่วงที่ดวงจันทร์เปลี่ยนเป็นสีส้มอิฐ หรือที่เรียกว่าพระจันทร์สีเลือด 

คืน "จันทรุปราคา" เต็มดวงตรงกับประเพณี 12 เป็งของชาวล้านนา

ซึ่งในระหว่างการเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก แสงอาทิตย์ที่ผ่านชั้นบรรยากาศโลกจะเกิดการกระเจิง แสงสีฟ้าและสีที่มีความยาวคลื่นสั้นจะถูกกรองออกไป เหลือเพียงแสงสีแดงที่มีความยาวคลื่นยาวกว่า หักเหไปตกกระทบดวงจันทร์และสะท้อนกลับมายังโลก ช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้คนบนโลกมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงอิฐ หรือ Blood Moon หรือที่หลายคนเรียกว่าพระจันทร์สีเลือด

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน โดยมีโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ เกิดขึ้นเฉพาะในวันดวงจันทร์เต็มดวง หรือช่วงข้างขึ้น 15 ค่ำ ขณะที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกที่ทอดไปในอวกาศ ผู้สังเกตบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งไปเรื่อย ๆ จนดวงจันทร์เข้าไปอยู่ในเงามืดทั้งดวง และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งอีกครั้งหนึ่งเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ออกจากเงามืดของโลก คนไทยสมัยโบราณเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ราหูอมจันทร์"

ปรากฏการณ์จันทรุปราคาในครั้งนี้ เกิดขึ้นในประเทศไทยในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2565 นอกจากประเทศไทยแล้ว ยังสามารถสังเกตได้หลายพื้นที่ทั่วโลก ได้แก่ บริเวณทวีปยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา ตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ ตะวันออกของทวีปอเมริกาใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย ขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้

คืน "จันทรุปราคา" เต็มดวงตรงกับประเพณี 12 เป็งของชาวล้านนา

อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ครั้งนี้ตรงกับ "ประเพณีสิบสองเป็ง" ของชาวล้านนาที่สืบสานประเพณีนี้มาอย่างยาวนานตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ตามความเชื่อที่ว่า เดือน 12 ออก 15 ค่ำ ตำนานในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสารมีพระราชศรัทธาในพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ได้สดับพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าจนบรรลุธรรมขั้นโสดาปัตติผล ทรงถวายไทยธรรมแด่พระพุทธเจ้า และพระสาวกเป็นประจำ แต่ไม่เคยอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ ครั้งหนึ่งฝูงเปรตผู้เป็นญาติรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้รับส่วนกุศล วันหนึ่งพอตกเพลาราตรีก็สำแดงกายส่งเสียงร้องโหยหวนเป็นที่น่าสะพรึงกลัวตลอดราตรีนั้น เหตุการณ์นี้พระเจ้าพิมพิสารมิทราบเหตุจึงทรงทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็ทรงสำแดงเหตุให้ทราบ ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าพิมพิสารก็อุทิศส่วนกุศลให้ทุกครั้งเมื่อถวายไทยธรรม โดยผ่านการหลั่งน้ำทักษิโณทก เปรตทั้งหลายได้รับแล้วพ้นจากทุกขภาวนา

"ประเพณีสิบสองเป็ง" เป็นประเพณีทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปหาผู้ที่ล่วงลับในวันเพ็ญเดือนสิบสองเหนือ หรือเดือนสิบของภาคกลางโดยเฉพาะ โดยเชื่อกันว่า ในวันดังกล่าวพญายมราชได้ปลดปล่อยวิญญาณของผู้ตายให้กลับมาสู่โลกมนุษย์ เพื่อรับเอาส่วนกุศลผลบุญจากญาติพี่น้อง ดังนั้นจึงนิยมไปทำบุญที่วัดอย่างมากมายเป็นกรณีพิเศษ ประเพณีนี้ตรงกับกิจกรรมของไทยภาคอื่น กล่าวคือภาคกลางมีประเพณีที่คล้ายกันเรียกว่า “ตรุษสารท” ภาคใต้เรียกว่า “ประเพณีชิงเปรต” ส่วนภาคอีสานเรียกว่า “ประเพณีบุญข้าวประดับดิน

ชาวบ้านในจังหวัดเชียงใหม่หลายชุมชน ยังคงสืบสานประเพณีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมามีการนิมนต์ พระสงฆ์ มาประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งทางลูกหลานของผู้ล่วงลับ ต่างจัดอาหารและสิ่งของเป็นสำรับ แต่ละสำรับอุทิศให้ผู้ล่วงลับเป็นราย ๆ ซึ่งบางครั้งถวายหลายครั้งตามจำนวนคน และการถวายจะต้องเขียนชื่อเจ้าภาพพร้อมชื่อผู้ตายให้พระ เพื่อที่เวลาพระให้พรจะได้กล่าวชื่อได้ถูกต้อง 

นอกจากการทำบุญด้วยอาหารและไทยทานแล้ว สิ่งที่นิยมปฏิบัติ คือ นิมนต์พระแสดงพระธรรมเทศนา ประกอบการรับไทยทาน พระธรรมเทศนาดังกล่าว ถือว่าทั้งลูกหลานผู้จัด และดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับจะได้สดับรับฟังพระธรรมเทศนาไปพร้อมกันเพื่อได้บุญกุศลในครั้งนี้ไปด้วยกัน 

คืน "จันทรุปราคา" เต็มดวงตรงกับประเพณี 12 เป็งของชาวล้านนา