นนทบุรี จัดงาน “Best & Green of Non 2025” ระหว่าง 26-30 พ.ค.นี้

นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับส่วนราชการ และภาคเอกชน เปิดงาน “Best and Green of Nonthaburi 2025” อย่างเป็นทางการ เพื่อจัดมหกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าตอกย้ำความเป็นเมืองน่าอยู่ “นนทบุรี Livable City” และมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าสูงในภาคเศรษฐกิจ (High Value Economy Creation) สร้างสิ่งแวดล้อมของเมืองที่เติบโตอย่างยั่งยืน (Environment Sustainable Growth) สู่การเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ โดยได้นำสินค้าและบริการที่เป็น The Best มานำเสนอต่อผู้บริโภค มากกว่า 300 รายการ ระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2568 ที่อาคาร B ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ

ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ระบุว่า การจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ของการจัดงานที่ให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน ไม่เพียงแต่การกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับจังหวัด และยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการในจังหวัดนนทบุรี ที่ได้มีพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และสร้างสรรค์ ร่วมกับการใช้ประโยชน์จาก AI ให้ทันสมัยตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ยังคำนึงถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ TGO ตรวจประเมินการใช้ทรัพยากรในการจัดงาน เพื่อให้เป็นอีเวนท์ประหยัดพลังงาน (Sustainable Event) ลดการสร้างมลภาวะ

ด้าน นายสงกรานต์ เพ็ชรน้ำเขียว พาณิชย์จังหวัดนนทบุรี กล่าวถึงรายละเอียดภายในงานว่า นอกจากจะมีสินค้า และบริการจากจังหวัดนนทบุรีแบบครบวงจรแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ บนเวทีทั้งการแสดงทางด้านศิลปวัฒนธรรม ทอล์คโชว์ Steaming Live โดย Influencer, การซื้อขาย Shopping Online ผ่าน Facebook Fan page ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรี กิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ

ทั้งนี้ การจัดงานครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2568 ที่อาคาร B ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. นำโดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรีเป็น ร่วมกับทั้งภาคราชการ และเอกชน ภายใต้แนวคิดของกิจกรรมที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยมุ่งลดผลกระทบเชิงลบให้น้อยที่สุด และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้มากที่สุด โชว์ศักยภาพความเป็นเมืองนนทบุรี ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ มุ่งส่งเสริมสินค้าคุณภาพดี ผลิตภัณฑ์ สินค้า บริการ จากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสินค้า SDG+ สินค้าจากชุมชน กลุ่มเกษตร อุตสาหกรรม บริการจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยวและสุขภาพ ตลอดจนนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ได้เชื่อมโยงสินค้าสู่ตลาดใหม่ ทั้งใน และต่างประเทศ โดยหวังว่า เศรษฐกิจของจังหวัดเติบโต มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ซึ่งคาดการณ์จะเกิดมูลค่าทางการค้าได้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท