หนุ่มสวมชุดทหารป่วนเมืองพัทยา อ้างเป็นลูกน้อง “พล.ต.ท.เรวัช“

15 กุมภาพันธ์ 2568 เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.ท.ณธกร จันทร์ลอด สวป. สภ.หนองปรือ ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถชนกัน และ มีผู้พยายามใช้อาวุธมีดวิ่งไล่ทำร้ายกู้ภัยฯ โดยทางกู้ภัยฯได้ขอกำลังสนับสนุนช่วยระงับเหตุ เหตุเกิดบริเวณทางรถไฟหนองหิน หมู่ 8 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังสายตรวจรีบไปทำการตรวจสอบ

เมื่อไปถึง พบครอบครัวนักท่องเที่ยว ชาวเนเธอร์แลนด์ 3 พ่อ แม่ ลูก , ทีมกู้ภัยฯ และ คนขับรถรถจักรยานยนต์ ซึ่งถูกชนจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมดอยู่ในอาการแตกตื่น ตกใจกลัว เนื่องจากถูกผู้ก่อเหตุที่เป็นคนขับรถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น ( โบลท์ ) แต่งชุดลายพลางทหารเรือ ใช้อาวุธมีดอีโต้ ยาวประมาณ 50 ซม. ออกมาข่มขู่ ก่อนจะขึ้นขับรถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป

นายศิริราช สิงห์เรือง ( พี่อ้อ ) อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยา เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุ มาประสบเหตุรถยนต์เก๋งชนกับรถจักรยานยนต์ จึงได้จอดรถเพื่อลงไปช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมบัติ แก้วคำ อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นฝ่ายขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนฝ่ายที่ชนเป็นรถเก๋ง ก็ไม่ได้จอดดูคู่กรณีได้ขับรถออกไปจากจุดเกิดเหตุ ก่อนจะวนกลับมาจุดเกิดเหตุอีกครั้ง

จากนั้นคนขับได้ลงจากรถ แล้วมาพูดจาข่มขู่ และด่าทอคนขี่รถจักรยานยนต์ ตนเองจึงตัดสินใจบอกให้คู่กรณีพูดจาดีๆ โดยบอกว่า “ให้ใจเย็นๆเดี๋ยวผมขอดูแลคนเจ็บก่อน” แต่ปรากฏว่าคนขับรถเก๋ง เกิดความไม่พอใจ ได้หันมาพูดจาด่าทอกู้ภัยฯ แถมยังด่ากู้ภัยฯว่า “พวกมึงมันมิจฉาชีพ ทำกันเป็นขบวนการ มาหลอกต้มตุ๋นกู”

หลังจากที่ตนเองถูกชายดังกล่าวด่า ก็พยายามสงบสติอารมณ์ ไม่ตอบโต้ แต่สุดท้ายก็ถูกชายดังกล่าวชักอาวุธมีดอีโต้ออกมาข่มขู่ และยังจะไล่ฟันตนเอง กับคู่กรณีฝ่ายรถจักรยานยนต์ ตอนนั้นตนเห็นท่าไม่ดีจึงวิทยุขอกำลังสนับสนุน แต่ปรากฏว่า ชายดังกล่าวได้เดินกลับไปที่รถเก๋ง แล้วไล่ครอบครัวชาวต่างชาติ 3 พ่อแม่ลูก ลงจากรถ ก่อนจะขับรถเก๋งหลบหนีไป จึงทำให้ตนเองรู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนขับรถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น ( โบลท์ ) และทิ้งผู้โดยสารไม่ยอมไปส่งต่อ

ตนเองจึงรีบประสานไปยังศูนย์วิทยุสั่งการ ให้ช่วยประสานตำรวจในการไล่ล่าสกัดจับผู้ก่อเหตุดังกล่าว

นายโทนี่ อายุ 34 ปี ชาวเนเธอร์แลนด์ เล่าว่า ตนเองพร้อมกับครอบครัว ได้เรียกรถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น ( โบลท์ ) มาจากคอนโดฯแห่งหนึ่ง ภายในซอยหนองกระบอก ( ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. ) เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ระหว่างเดินทาง รถที่ตนเองว่าจ้าง ได้พุ่งชนรถจักรยานยนต์ บริเวณทางแยกข้ามทางรถไฟ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนขับรถได้จอดรถแล้วลงไปพูดคุยกับฝ่ายคู่กรณี แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายคนขับรถเก๋งเกิดอาการหัวเสีย ชักอาวุธมีดออกมาข่มขู่ กู้ภัย และคนเจ็บ แถมยังใช้ iPad ถ่ายรูปครอบครัวของตน แล้วไล่ลงจากรถทันที

ขณะเดียวกัน นายโทนี่ ชาวเนเธอร์แลนด์ ได้เปิดแอพพลิเคชั่น ที่เรียกใช้บริการ รถรับจ้างคันดังกล่าว ปรากฏว่าโชเฟอร์ ยังไม่ปิดระบบ และสามารถจับสัญญาณได้ว่า กำลังขับรถมุ่งหน้าไปทางถนนพัทยาใต้ ตำรวจและกู้ภัย จึงพยายามออกไล่ล่าติดตาม จนสามารถไปควบคุมตัวได้ที่บริเวณ แยกไฟแดงพัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5-6 กม.

ซึ่งขณะที่ตำรวจและกู้ภัยฯมีการสกัดจับ โดยจอดรถขวางไม่ให้รถเก๋งคันดังกล่าวขับหนีไปได้ ปรากฏว่าชายที่ขับรถได้ลงจากรถแล้วชักอาวุธมีดพับออกมาขู่กู้ภัยฯ จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย ตำรวจต้องตัดสินใจสวมใส่กุญแจมือ เพื่อสงบสติอารมณ์คนขับรถรายนี้

จากการตรวจสอบ คนขับรถเก๋ง คือ นายสมนึก ทิม อายุ 36 ปี เป็นชาว จ.ตราด พูดจาวกไปวนมา แต่งเครื่องแบบชุดพรางทหารเรือเต็มยศ แถมยังแอบอ้างว่าเป็นลูกน้องของ อดีตนายพลชื่อดัง “ท่าน พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร“ ประกาศลั่นว่า ถ้าเรื่องนี้ถึงนายกู พวกมึงตายกันหมดแน่ และปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุตามที่ถูกกล่าวหา

เมื่อตำรวจตรวจค้นภายในรถเก๋ง พบอาวุธมีดถึง 3 เล่ม ทั้งมีดอีโต้ มีดพก และ มีดดายหญ้า จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจยึดรถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีดำ ซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทั้งทะเบียนทั้งหน้าและหลัง ไว้ทำการตรวจสอบ และระหว่างที่ตำรวจกำลังเชิญตัว นายสมนึก ทิม ไปสอบสวนต่อที่โรงพัก ผู้สื่อข่าวได้พยายามถามว่า ทำไมถึงใส่ชุดทหารมาขับรถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น เจ้าตัวตอบว่า

“จริงๆแล้วแค่ต้องการขับรถเพื่อบริการประชาชน ส่วนตัวแล้วเป็นนักธุรกิจด้าน บิตคอยน์ โดยมีเงินเก็บหลายล้านบาท”

นอกจากนี้ เจ้าตัวยังโวยวายเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามเคลื่อนย้ายรถ เพราะมีข้อมูลสำคัญอยู่ภายในรถอีกด้วย

เบื้องต้น ตำรวจให้เชิญตัวไปสอบปากคำ พร้อมทั้งตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธมีด และจากการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดในร่างกาย จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับต่อหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมกันนี้ เตรียมประสาน ไปยังต้นสังกัด แอพพลิเคชั่นรถรับจ้าง ให้มีบทลงโทษบลง กับคนขับรถรายนี้ต่อไป