
หลังจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้ตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา รวม 5 จุด ซึ่งต้องสงสัยว่าอาจเป็นฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ.68
7 กุมภาพันธ์ 2568 คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.แม่สอด จ.ตาก พบว่า เจ้าหน้าที่ทหารไทยจากหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด จ.ตาก เข้มงวดรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงตามแนวชายแดนไทย เมียนมา จ.ตาก
หลังจากที่ประเทศไทยได้ตัดกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ฝั่งเมียนมา ที่บริเวณจังหวัดเมียวดี 2 จุด ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก และเพิ่มมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปเมียนมา เพื่อขจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการสแกมเมอร์ ออนไลน์ กับการค้ามนุษย์ ที่ใช้กระแสไฟฟ้าตามรูปแบบต่างๆ
ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงในเมียนมา ที่จังหวัดเมียวดี เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันอย่างมาก กลุ่มที่เดือดร้อนมาที่สุดคือ กลุ่มประชาชนทั่วไปที่ใช้รถจักรยานยนต์ ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ เพราะไม่สามารถน้ำรถจักรยานยนต์ข้ามมาอำเภอแม่สอด เพื่อเติมน้ำมัน เว้นแต่รถยนต์เท่านั้น ที่สามารถขับมาเติมตามปั้มน้ำมันในเขตไทยได้
สำหรับสถานีบริการน้ำมันในตัวเมืองเมียวดีของเมียนมา สถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ในตัวเมืองเปิดให้บริการแต่จำกัดการเติม และสถานีขนาดเล็กปิดบริการชั่วคราว เนื่องจากภาวะขาดแคลนน้ำมัน
แต่ชาวเมียนมาก็ยังแห่ขับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์มาเติมปั๊มน้ำมันจนล้นออกมานอกถนนหน้าปั๊มน้ำมัน คาดว่ากลัวขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง แม้จะสวนทางกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูงก็ตาม
โดย รถจักรยานยนต์ จำกัดเติมได้คันละ 5,000 จ๊าต(80.38 บาท) และ รถยนต์จำกัดคันละ 20,000-30,000 จ๊าต(321.51 - 482.27 บาท)
ส่วนราคาน้ำมันฝั่งเมียวดีวันนี้ (7ก.พ.68) ดีเซล 3,960 จ๊าต/ลิตร(58.48 บาท) ปรับขึ้น 250 จ๊าต , เบนซิน953,620 จ๊าต/ลิตร (58.19 บาท) ปรับขึ้นมา 70 จ๊าต ซึ่งราคาน้ำมันเริ่มแพงกว่าประเทศไทยแล้ว
ชาวเมียนมาที่เมียวดี เล่าให้ฟังว่า สถานการณ์ในตัวเมืองเมียวดี สถานที่ราชการ, ตลาดบุเรงนอง และโรงพยาบาล มีการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ และบ้านเรือนของประชาชนบางส่วน ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานโซล่าเซลล์ในการให้แสงสว่าง สำหรับประชาชนทั่วไป ใช้ตะเกียงน้ำมันแทน
ส่วนในตัวเมืองชเวก๊กโก ตรงข้าม บ.วังผา ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด และบ้านวังแก้ว ตำบลแม่ปะ อ.แม่สอด มีการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟเป็นส่วนใหญ่ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลง 50 % และในตัวเมือง KK Park ตรงข้าม บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ต.แม่กุ อ.แม่สอด มีการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟเป็นส่วนใหญ่ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลง 40 %
ส่วนที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย เมียนมา บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 1 บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด ชาวเมียนมา ยังคงเดินทางไปซื้อสินค้าในแม่สอด และน้ำรถยนต์เดินทางมาเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในเขตไทยเช่นเคย