
วันที่ 13 สิงหาคม 2567 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.พฐ.) แถลงผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานในคดีการเสียชีวิต 3 ศพ แม่ลูก ภายในบ้าน พื้นที่ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เมื่อวานนี้ (12ส.ค.2567)ว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และทราบข้อมูลจากพยานว่า ก่อนเกิดเหตุสมาชิกในบ้านได้มีการไปซื้อผลิตภัณฑ์ล้างท่ออุดตัน เพื่อแก้ปัญหาท่อตันในห้องน้ำภายในบ้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นขวดสีขาวทึบ ฝาสีแดง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ยังได้ทำการเก็บดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝงที่ประตูห้องน้ำ รวมถึงขวดน้ำดื่ม และอาหารภายในบ้าน เพื่อนำไปตรวจสารพิษเจือปนในอาหารด้วย เบื้องต้นในที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตทันที 1 ราย และอีก 2 ราย ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งทั้งหมดไม่มีบาดแผล และไม่พบรอยไหม้ในช่องปาก
ซึ่งจากการสอบปากคำพยาน ทราบว่า น่าจะมีการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างท่ออุดตันไปประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาถึง ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังได้กลิ่นเหม็นไหม้รุนแรง และมีอาการแสบตา แสบจมูก ขณะที่ห้องน้ำที่เกิดเหตุพบมีขนาดเล็ก กว้าง 1.2 เมตร ยาว 2.5 เมตร สูง 2.05 เมตร และมีช่องระบายอาการเพียงช่องเดียวกว้างประมาณ 40 เซ็นติเมตร
ขณะที่ ประตูเป็นลักษณะผลักเข้าไปด้านใน จึงสันนิษฐานว่า หากมีคนเป็นลมติดอยู่ภายใน คนที่เข้าไปช่วยจะต้องปิดประตูเพื่อทำการช่วย ก็จะมีการสูดดมสารเคมีเข้าไปด้วย
ต่อมา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้มีการไปหาซื้อผลิตภัณฑ์ล้างท่ออุดตันแบบเดียวกันกับที่พบในที่เกิดเหตุ เพื่อมาทำการตรวจพิสูจน์พบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นของเหลวสีดำ เป็นซัลฟิวลิกที่มีความเข้มข้นสูง และไม่สามารถนำไปใช้ร่วมกับสารที่มีฤทธิเป็นด่างได้ โดยเฉพาะ "โซดาไฟ" และหากนำไปใช้ร่วมกันกับผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำแล้วไปเจอสิ่งอุดตันภายในท่อ จะทำปฏิกิริยากลายเป็น "ก๊าซไข่เน่า" มีควันพวยพุ่งขึ้นมา ในอดีตก็เคยมีกรณีการเสียชีวิตจาก"ก๊าซไข่เน่า" มาแล้ว
สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้หาซื้อได้ยาก ไม่มีขายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่จะพบในร้านขายวัสดุก่อสร้าง เบื้องต้น พบเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเลขทะเบียนอย. และไม่มีทะเบียนวัตถุอันตรายที่ใช้ในการสาธารณสุข ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จะรายงานผลการตรวจสอบให้กับตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีดำเนินการต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.หญิง วิภาวดี เกษมวรภูมิ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ระบุว่า จากรายงานทางวิชาการ ปริมาณของ "ก๊าซไข่เน่า" ที่ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีหลายระดับ ปริมาณ 50 ppm จะทำให้ระคายเคืองตา และเยื่อบุทางเดินหายใจอักเสบ แต่ถ้าหากก๊าซมีปริมาณ 500 ppm จะส่งผลทำให้มีอาการคลื่นไส้หมดสติ หากเกิน 500 ppm จะทำให้ขาดอ็อกซิเจนและหยุดหายใจเฉียบพลัน
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลชันสูตรอย่างละเอียด ถ้าเกิดจากผลิตภัณฑ์ล้างท่ออุดตันที่ไม่มีอยู่ ก็สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย