svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

สรุปให้ คดี "เจ๊นุช" ทำร้ายอดีตทหารหญิงรับใช้ หลังศาลสั่งจำคุก 13 ปี 5 เดือน

14 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สรุปให้ คดี "เจ๊นุช" ตำรวจหญิง ทำร้ายอดีตทหารหญิงรับใช้ ก่อนหน้านี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จนวันนี้ (14 มี.ค. 67) ศาลพิพากษาจำคุก 13 ปี 5 เดือน ให้ชดใช้กว่า 3 แสนบาท

ภายหลังศาลจังหวัดราชบุรี พิพากษาคดีที่ "เจ๊นุช" หรือ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 ร่วมกับเพื่อนชายคนสนิท ทำร้ายร่างกาย น.ส.เอ ทหารหญิง ซึ่งเป็นทหารรับใช้นานกว่า 2 ปี จนครอบครัวทนไม่ไหวนำเรื่องเข้าร้องทุกข์กับ "กัน จอมพลัง" และนำมาสู่ความช่วยเหลือ ไปสู่การดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง

Nation STORY สรุปให้ ก่อนหน้านี้คดีดังกล่าวมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง บทสรุปเบื้องต้นเรื่องนี้ออกมาอย่างไร

จุดเริ่มต้น 

น.ส.เอ ผู้เสียหาย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 65  "กัน จอมพลัง" หรือนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ได้พา น.ส.เอ ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นอดีตทหารหญิงรับใช้ที่ถูกบุคคลอ้างเป็นภรรยาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งเป็นเจ้านาย ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ไปออกรายการชื่อดัง 

ภายหลังออกรายการทาง น.ส.เอ เล่าว่า เดิมเธอเป็นลูกจ้างร้านกาแฟของเจ้านาย ซึ่งอ้างว่าเป็น สว.แล้วฝากให้เป็นทหาร โดยให้สัญญาว่าต้องคอยดูแลรับใช้ ซึ่งช่วงแรกที่ไปทำงานที่บ้าน ก็มีเจ้านายเป็นตำรวจหญิง คาดว่ามีสังกัดอยู่กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งต้องอยู่ด้วยกันเพียง 2 คน 

จนเมื่อเริ่มทำงานให้แล้ว แต่ทำไม่ถูกใจ หรือพูดไม่เข้าหู เพราะไม่มีหางเสียง ก็เริ่มถูกทำโทษแรงขึ้นเรื่อยๆ ถูกทั้งการใช้มือตบตี ใช้มีดมาขู่ ใช้ไม้ฟุตเหล็กไม้ถูพื้นตี และใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า ช็อตตามร่างกายในร่มผ้า และเคยโดนช็อตที่ปาก แม้กระทั่งถูกฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์จุดไฟเผาหัว

ตั้งแต่เข้าไปทำงานที่บ้านหลังดังกล่าว เป็นเวลาเกือบ 2 ปี เธอแทบไม่เคยได้ออกจากบ้านเลย ซ้ำต้องขายรถ โน๊ตบุ๊ก โทรศัพท์ เครื่องประดับ ให้เงินเจ้านายไป 270,000 บาท ไม่รวมกับเงินเดือนที่ถูกยึดไปในแต่ละเดือน บางครั้งต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้ รวมถึงซื้ออาหารกินเอง แม้เธอจะถูกทำร้ายก็ไม่เคยส่งไปรักษาพยาบาล เพียงแต่ให้กินยาให้หายเอง อย่างจมูกเธอที่หักมาเดือนกว่าก็ยังไม่ได้รักษา หายใจได้จากจมูกข้างขวาข้างเดียว แถมยังถูกข่มขู่ว่าถ้าคิดหลบหนี จะตามมาหิ้วตัวกลับไป

น.ส.เอ บอกด้วยว่า เธอเห็นว่ารู้จักกันกับเจ้านายมาก่อน ก็ไม่ได้เอะใจที่มีการฝากให้เป็นทหารแต่เข้ามารับใช้ตำรวจ อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยเจอตัว สว.รายนี้ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา ตอนนี้ต้องการขอให้ครอบครัวปลอดภัยก็พอ และไม่คิดจะกลับไปทำงานอีกแล้ว 

"ตนยังติดหนี้กับเจ้านายเป็นเงินกว่า 70,000 บาท จากการที่ลาออกจากราชการ โดยอ้างว่าเป็นค่าที่ฝากตัวเองเข้าไปทำงาน ซึ่งพ่อแม่ไปเจรจาพร้อมคืนเงินให้แล้วแต่คู่กรณีไม่ยอม และยังจะเอาเงินอีก 450,000 บาท" น.ส.เอ เล่า

จากนั้น กัน จอมพลัง พร้อมด้วย ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ได้พา น.ส.เอ และญาติ ไปที่ สภ.เมืองราชบุรี เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจหญิงรายดังกล่าว

ส.ต.ท.หญิง เข้ามอบตัวเพื่อสู้คดี
สรุปให้ คดี \"เจ๊นุช\" ทำร้ายอดีตทหารหญิงรับใช้ หลังศาลสั่งจำคุก 13 ปี 5 เดือน
หลัง น.ส.เอ เข้าแจ้งความ ต่อมา ในวันที่ 20 ส.ค. 65 "เจ๊นุช" หรือ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี โดยพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ว่า

"เป็นข้าราชการแสวงหาประโยชน์ บังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยการข่มขืนใจ  โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของบุคคลนั้น หรือผู้อื่น โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ ซึ่งบุคคลใดโดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล และใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนต้อย ทางร่างกาย จิตใจ (ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6, มาตรา 6/1 , มาตรา 13 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา)
สรุปให้ คดี \"เจ๊นุช\" ทำร้ายอดีตทหารหญิงรับใช้ หลังศาลสั่งจำคุก 13 ปี 5 เดือน
ในวันนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐาน รอง ผอ.ศพดส.ตร. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ได้เดินทางมาสอบปากคำ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ในเบื้องต้น โดยเปิดเผยภายหลังสอบปากคำ ส.ต.ท.หญิงว่า ส.ต.ท.หญิง รับว่า ทำร้ายร่างกายจริง โดยอ้างว่า มีอาการไม่สามารถควบคุมตัวเองและนำใบรับรองแพทย์ จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยในใบรับแพทย์ระบุว่า ส.ต.ท.หญิง มีอาการควบคุมตัวเองไม่ได้เป็นระยะๆ และรับการรักษาต่อเนื่องมาประมาณ 2 ปี แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นโรคอะไร

หลังสอบปากคำเบื้องต้นจนถึงเช้ามืด ตำรวจไม่ได้คัดค้านการประกันตัว ก่อนปล่อย ส.ต.ท.หญิง ไปทำธุระส่วนตัว จากนั้น ในวันที่ 21 ส.ค. 65 ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ระหว่างเดินเข้าห้องสอบสวน สื่อสอบถามว่า มีอะไรอยากจะชี้แจงในกรณีที่ถูกกล่าวหาบ้างหรือไม่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ตอบเพียงสั้นๆว่า ขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย หลังจากนั้น ตำรวจมีการนำตัว ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ไปขออำนาจศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อฝากขัง

22 ส.ค. 65 ศาลจังหวัดราชบุรี ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวส่งเข้าเรือนจำราชบุรี  

โดยก่อนหน้านั้น ทางญาติของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว ขณะที่ กัน จอมพลัง พร้อมผู้เสียหาย ได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวต่อศาล เนื่องจากเกรงว่า ผู้เสียหายจะไม่ได้รับความปลอดภัย และจะไม่ได้รับความยุติธรรม

เรื่องราวนี้ ยังมีเพื่อนชายคนสนิทของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ หรือ เจ๊นุช ซึ่งเป็นน้องชายของนักการเมืองชื่อดังในอำเภอโพธาราม จ.ราชบุรี ถูกกล่าวหาร่วมกับ "เจ๊นุช" ทำร้ายร่างกาย น.ส.เอ ด้วย โดยเมื่อ 5 ก.ย. 65 ชายดังกล่าวได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา และให้ปากคำพนักงานสอบสวน ที่สภ.เมืองราชบุรี โดยมี น.ส.เอ พร้อมกับญาติๆ ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัว ก่อนที่ชายรายนี้จะถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดราชบุรี ซึ่งก็มีการยื่นขอคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลด้วย

หลังจากนั้น ศาลจังหวัดราชบุรี มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว โดยข้อหาที่ชายดังกล่าวนั้นถูกตั้งข้อกล่าวหา คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ข่มขืนใจผู้อื่น โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย ขู่เข็ญและใช้กำลังประทุษร้าย และ พ.ร.บ.แรงงาน 

ปมร้อนถึง สว. 

ย้อนกลับไปเกี่ยวกับปมที่ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ หรือ เจ๊นุช อ้างว่าเป็นภรรยาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 65 นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกคณะ กมธ. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ได้แถลงว่า มีการสอบ ส.ต.ท.หญิง ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากเรือนจำราชบุรี โดยได้ให้การยอมรับถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับระดับหนึ่ง กับสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2555 - 2562 และยังติดต่อต่อเนื่องมา และอ้างว่า ไม่ทราบว่า เธอเองเข้าสู่กระบวนการเข้ารับราชการอย่างไร เพียงแต่เคยสมัครโดยบังเอิญ ในตำแหน่งที่มีการเปิดรับสมัครซึ่งยกเว้นอายุ   

นายธีรัจชัย บอกด้วยว่า หลังจากนี้จะลงในรายละเอียดมากขึ้น และจะเชิญสมาชิกวุฒิสภาคนสนิท รวมถึงประธาน กมธ. ที่ ส.ต.ท.คนนี้มีตำแหน่ง มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม 

อัยการยื่นฟ้อง เจ๊นุช-เพื่อนชายคนสนิท 7 ข้อหาหนัก ทั้งสองปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

1 ธ.ค. 65 ศาลจังหวัดราชบุรีได้เบิกตัวออนไลน์ เจ๊นุชกับเพื่อนชายคนสนิท จากเรือนจำกลางราชบุรี หลังทางอัยการจังหวัดราชบุรี ได้ทำการส่งฟ้องทั้งสอง 7 ข้อหา คือ 1.ค้ามนุษย์ 2.พ.ร.บ.แรงงาน 3.พ.ร.บ.พกพาอาวุธปืน 4.ความผิดต่อเสรีภาพ 5.ความผิดต่อร่างกาย 6.บังคับใช้แรงงาน 7.ร่วมกันทำร้ายร่างกายทั้งสาหัสและไม่สาหัส

โดย ทนายโรส อังศวีร์ พร้อมกับ น.ส.เอ ผู้เสียหาย เดินทางมาที่ศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อมารับฟังว่า ส.ต.ท.หญิงกรศศิร์ จะให้การรับสารภาพ หรือปฎิเสธ

ทนายโรส ให้สัมภาษณ์วันนั้นว่า เป็นวันนัดคุ้มครองสิทธิ์ ซึ่งศาลจะแจ้งให้กับทางผู้ต้องหาว่าถูกดำเนินคดีข้อหาใดบ้าง โดยเจ๊นุชกับชายคนสนิทนั้น ถูกอัยการสั่งฟ้องใน 7 ข้อหา ทั้งคู่ให้การปฏิเสธทุกข้อหา ส่วนข้อหาหนักสุดก็จะเป็นคดีค้ามนุษย์ ซึ่งจะมีโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต หลังจากนี้ไปก็จะเป็นการไปสืบในข้อเท็จจริงต่อไป

ศาลสั่งจำคุก เจ๊นุช - เพื่อนชายคนสนิท
สรุปให้ คดี \"เจ๊นุช\" ทำร้ายอดีตทหารหญิงรับใช้ หลังศาลสั่งจำคุก 13 ปี 5 เดือน
ล่าสุดวันนี้ (14 มี.ค. 67) กัน จอมพลัง ได้พา น.ส.เอ พร้อมทนายโรส และญาติของ น.ส.เอ มาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดราชบุรี ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่กัน จอมพลัง พร้อมทนายโรส และน้องเอ จะออกมาบอกว่า หลังจากที่รอคอยมานานเกือบ 2 ปี วันนี้ศาลพิพากษามาแล้วให้จำเลยที่ 1 คือ เจ๊นุช จำคุก 13 ปี 5 เดือน ส่วนเพื่อนชายคนสนิท จำคุก 4 ปี 1 เดือน

ทนายโรส บอกว่า ในส่วนของการชดใช้นั้น ศาลสั่งให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เป็นจำนวนเงิน 365,620 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลสั่งให้ชดใช้ร่วมกับจำเลยที่ 1 เป็นจำนวนเงิน 350,616 บาท ส่วนที่ว่าจะเพียงพอกับสิ่งที่น้องเขาโดนมาหรือรักษาตัวไปนั้นก็ขอให้ทุกท่านคิดเอาเอง ซึ่งทางน้องก็จะมีการอุธรณ์ตามสิทธิ์ที่เรามี 

ส่วนข้อหาที่ถูกพิพากษาในวันนี้ คือ จำเลยที่ 1 และ 2 ร่วมกันทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจติตใจ ร่วมกันทำร้าย ร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส ส่วนจำเลยที่ 1 เจ๊นุช จะมีข้อหาเพิ่มคือ กรรโชกทรัพย์ และข่มขืนใจ ส่วนจำเลยที่ 2 มีข้อหาเพิ่มคือพกพาอาวุธ และไม่จ่ายค่าจ้างตามกฎหมาย ส่วนข้อหาค้ามนุษย์นั้นไม่เข้าข่ายความผิด แต่ก็ต้องอุธรณ์ 

ส่วน น.ส.เอ เธอบอกว่าตอนแรกก็รู้สึกกังวลว่าคำพิพากษาจะออกมายังไง แต่เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว ก็คงจะต้องสู้ต่อไป ที่ผ่านมาโดนมาเยอะมากจนไม่สามารถที่จะใครได้ทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งภาพความทรงจำทุกอย่างยังอยู่ ตาเราเลือกที่จะไม่จำมันและเอาทำร้ายจิตใจ ส่วนเรื่องบาดแผลและร่างกายก็จะอยู่กับเราตลอด ส่วนเรื่องคดีความก็จะเดินหน้าสู้ต่อไป 

"ในความรู้สึกนั้นก็อโหสิกรรมให้ในส่วนของกรรม แต่ในเรื่องของคดีความก็ต้องสู้กันต่อไป และจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างว่ามนุษย์คนหนึ่งไม่สมควรที่จะโดนอะไรแบบนี้ ซึ่งหลังจากที่ได้ทำการรักษาจมูกให้กลับมาหายใจได้ทั้งสองข้างเหมือนคนปกติทั่วไป จากที่เคยหายใจได้ข้างเดียว" น้องเอ กล่าว

น.ส.เอ บอกด้วยว่า วันนี้ก็อยากขอบคุณผู้สื่อข่าวที่ช่วยนำเสนอข่าวและขอบคุณคุณกัน ที่ช่วยเหลือทุกอย่าง เธอไม่อยากให้ใครที่เป็นมนุษย์ได้พบกับเหตุการณ์แบบนี้อีก

logoline