
1 มกราคม 2567 จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (31 ธ.ค. 2566) โดยเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้รับแจ้งจากศูนย์ควบคุมจราจรและความปลอดภัยทางทะเลอันดามัน (CSCS) ว่าเกิดเหตุเรือสปีดโบ๊ท ชื่อ อภิรักษ์ 89 ที่มี นายณัฐพงษ์ คงวิไล อายุ 41 ปี เป็นกัปตัน ซึ่งเดินทางกลับมาจากเกาะพีพี จ.กระบี่ ชนกับโขดหินริมฝั่งทางทิศตะวันออกของเกาะไม้ท่อน ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย
โดยในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย คือ คนขับเรือ และเด็กหญิงชาวรัสเซีย วัย 5 ขวบ
ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า เด็กหญิงชาวรัสเซียได้เสียชีวิตแล้ว หลังเจ้าหน้าที่และแพทย์ พยายามยื้อชีวิตอย่างเต็มที่ แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ส่วนความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว โดยเมื่อช่วงเย็นวันที่ 31 ธ.ค. 2566 "นายอดุลย์ ชูทอง" รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก ผบก.ทท.3 , พ.ต.อ.พิสิษฐ์ สวัสดิ์ถาวร ผกก.2 บก.ทท.3 , พ.ต.ท. เอกชัย ศิริ สวญ.ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
โดย นายอดุลย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า เรือที่ประสบอุบัติเหตุมีประกันภัยถูกต้อง ซึ่งในส่วนของ จ.ภูเก็ต , ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต , เจ้าหน้าที่ TAC และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่โรงพยาบาลต่างๆ ที่ผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บาดเจ็บและญาติผู้บาดเจ็บ
นอกจากนี้ "นายโสภณ สุวรรณรัตน์" ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ก็ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มมาตรการความปลอดภัยทางเรือ โดยให้เข้มงวดตรวจเข้มผู้ขับเรือและคนประจำเรือ ให้มีความพร้อมในการขับขี่เรือ โดยต้องได้รับการพักผ่อนเพียงพอ ไม่เสพสารเสพติดและแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ หากพบผู้ขับขี่เรือมีสภาพร่างกายไม่พร้อม จะไม่อนุญาตให้ขับเรือโดยสารสาธารณะโดยเด็ดขาด
สำหรับอาการล่าสุดพบว่า
นายณัฐพงษ์ กัปตันเรือลำดังกล่าว ยังไม่รู้สึกตัว และต้องใส่ท่อช่วยหายใจ อีกทั้ง พบว่ามีแผลฉีกขาดขนาดใหญ่บริเวณใบหน้าด้านซ้าย รักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
Mrs.EMMA ชาวรัสเซีย รู้สึกตัวดี ปวดแขนด้านขวา (ย่าของเด็ก) ออกจากโรงพยาบาลแล้ว
Mr.Pak Petr อาการ สีแดง รักษาตัวที่ โรงพยาบาลดีบุก
ส่วนอีก 5 ราย อาการอยู่ในระดับสีเขียวและสีเหลือง นอกจากนี้ มีผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลฉลอง 1 ราย ได้แก่เด็กหญิง LIZA PAK ชาวรัสเชีย อายุ 5 ปี ได้เสียชีวิต ที่โรงพยาบาลฉลอง
พบสารแอมเฟตามีนคนขับเรือสปีดโบ๊ท
สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบเรือสปีดโบ๊ทพุ่งชนโขดหินเกาะไม้ท่อน จ.ภูเก็ต ล่าสุดมีรายงานเพิ่มเติม โดยพบผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมเป็น 5 ราย ขณะเดียวกัน ทางจังหวัด โดยนายโสภณ สุวรรณนัตน์ ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต , สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการสุ่มตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของกัปตันเรือและคนประจำเรือที่นำนักท่องเที่ยวออกจากท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ไปยังเกาะแก่งต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการในการท่องเที่ยวทางทะเล ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยทางทะเล ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี มีผู้ที่เข้ารับการตรวจฯ จำนวน 23 ราย ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด
ด้านนายสมสุข สัมพันธ์ประทีป รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงอาการของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เรือสปีดโบ๊ทชนโขดหินบริเวณเกาะไม้ท่อนซึ่งมีทั้งหมด 9 ราย ในจำนวนดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย เป็นเด็กหญิงรัสเซียอายุ 5 ขวบ
ส่วนผู้บาดเจ็บที่เหลืออีก 8 ราย มีอาการสาหัส (สีแดง) และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดจำนวน 5 ราย ในจำนวนดังกล่าวนอกจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย 3 รายแล้ว ยังมีกัปตันเรือกับคนประจำเรือด้วย ส่วนที่เหลืออีก 3 รายเป็นชาวรัสเซียเช่นกัน โดยอาการดีขึ้นตามลำดับ ในจำนวนนี้มีเด็ก 3 ขวบด้วย 1 คน
นายสมสุข กล่าด้วยวว่า จากการตรวจหาสารเสพติดกัปตันเรือที่ประสบอุบัติเหตุ ได้รับรายงานว่า พบสารกลุ่มแอมเฟตามีน แต่ต้องรอยืนยันผลอีกครั้งว่าเป็นสารชนิดใด ส่วนคนประจำเรือได้ตรวจเช่นกัน แต่ขณะนี้ผลยังไม่ออก และเนื่องจากทั้งสองคนยังอยู่ในอากาสสาหัส จึงยังไม่ได้ตรวจสอบเชิงลึกซึ่งต้องรออาการให้ดีขึ้นก่อน
ขณะที่ นายณชพงศ ประนิตย์ เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต กล่าวถึงมาตรการต่อจากนี้ ว่า หลังจากนี้จะมีการเรียกประชุมผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวบริเวณอ่าวฉลอง เพื่อสร้างความเข้าใจในการใช้ระบบสมาร์ทเพียร์ซึ่งจะมีการบันทึกข้อมูลทุกอย่าง
นอกจากนี้ จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจเข้มหาสารเสพติดและความพร้อมของกัปตันเรือและนายท้ายเรือ รวมทั้งจะได้เร่งอบรมคนประจำเรือ มัคคุเทศก์และผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวให้ตระหนักถึงความพร้อมในการให้บริการ และเชิญผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว เน้นย้ำการสุ่มตรวจหาสารเสพติดในพนักงานที่จะรับเข้ามา และจะต้องทำการสุ่มตรวจเป็นระยะๆ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องซึ่งมีอำนาจโดยตรงได้มีการสุ่มตรวจเป็นระยะๆ อยู่แล้ว ส่วนเจ้าท่าฯ ทำหน้าที่ในการประสานติดต่อกับเชิญกัปตันเรือและคนประจำเรือ หลังจากนี้จะมีความเข้มและมีความถี่มากขึ้น เพราะเรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และจะมีการกระจายสุ่มตรวจทุกท่าเทียบเรือ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสภาพเรือที่เกิดเหตุเบื้องต้น โดยดูความพร้อมของเรือและตัวเรือ พบว่าไม่มีน้ำเข้า และจากร่องรอยของการชนคาดว่า เป็นการชนตรงๆ คาดว่าจะเกิดจากความผิดพลาดของผู้ควบคุมเรือ