ฝ่าฝืนปล่อยโคมเพลิงไฟไหม้วอด9คูหาย่านตลาดวโรรส

เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566  เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์หลายคูหาย่านตลาดวโรรส หลังศาลเจ้าปุงเถากง ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครเชียงใหม่ ระดมรถดับเพลิงกว่า 20 คัน พร้อมด้วยกำลังอาสาสมัครกู้ภัยกว่า 50 ชีวิตเข้าฉีดน้ำควบคุมเพลิง

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ขนาด 3 ชั้น 9 คูหา ไฟได้ไหม้จากคูหาที่ 2 ถึงคูหาที่ 5 จากนั้นก็ลุกลามออกทางด้านข้างและด้านหลัง ทางเจ้าหน้าที่ ได้ฉีดน้ำควบคุมเพลิง ขณะเดียวกันร้านที่ไปยังลุกลามมาไม่ถึงก็รีบอพยพทรัพย์สินที่อยู่ภายในร้านออกมากันอย่างโกลาหล

ขณะที่ภาพมุมสูงจากโดรนจะเห็นได้ว่า เพลิงได้ลุกไหม้อย่างหนักบริเวณคูหาที่ 2 และ 3 ของอาคารแห่งนี้ ซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดและมีอุปกรณ์ก่อสร้างสีทินเนอร์ อยู่ภายในร้านเป็นจำนวนมาก และ 1 ใน 9 คูหาที่ถูกเพลิงไหม้นั้นก็คือร้านปาท่องโก๋โกเหน่ง ปาท่องโก๋ชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ ก็ถูกเพลิงไหม้เสียหายอีกด้วย

จากการสอบถามนางสาวนัท อายุ 28 ปี เจ้าของร้านขายหมวกอยู่คูหาริมสุดได้เผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้ยินเสียงตะโกนเรียกว่าไฟไหม้ตนจึงตื่นออกมาดูก็พบว่าไฟกำลังลุกไหม้บริเวณคูหาที่ 2 และ 3 และลุกลามอย่างรวดเร็ว ตนจึง เก็บเอาทรัพย์สินที่พอจะเอาติดตัวออกมาได้นำออกมาจากที่พักที่อยู่บริเวณชั้น 2 จากนั้นก็ขอความช่วยเหลือชาวบ้านที่มายืนดูให้การช่วยกันขนเอาหมวกสินค้าที่วางขายอยู่บริเวณชั้นล่างออกมาจากตึกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเพลิงไหม้

ทางด้านนางสาวนี่ ประชาชนที่มา เที่ยวงานลอยกระทงของเทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งกำลังจะขับรถกลับหอพักได้เป็นคนเห็นเหตุการณ์และถ่ายคลิปเอาไว้ กล่าวว่า ขณะที่กำลังขับรถก็เห็นไฟลุกไหม้บริเวณชั้นบนของตึกตนจึงรีบโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือพร้อมกับตะโกนบอกคนในตึกให้รีบหนีลงมาและไฟก็ได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามบริเวณจุดเกิดเหตุนั้นอยู่ใกล้กับลานข่วงประตูท่าแพและสะพานแก้วนวรัฐ สะพานข้ามแม่น้ำปิง ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมามีการจัดงานยี่เป็งเชียงใหม่ และมีนักท่องเที่ยวที่ฝ่าฝืนมีการปล่อย โคมลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุในการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เกิดจากโคมลอยหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ต่อไป ส่วนความเสียหายนั้นน่าจะมากกว่า 10 ล้านบาท

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของการควบคุมเพลิง พบว่าทางเจ้าที่ยังคงตลึงกำลังรถดับเพลิงและกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเอาไว้เนื่องจากภายในตัวอาคารมีเชื้อเพลิงอยู่เป็นจำนวนมาก และยังคงมีความร้อนสะสมซึ่งสามารถจะติดไฟได้ในทุกเมื่อ โดยทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังอยู่ระหว่างการเข้าเคลียร์ในแต่ละชั้นซึ่งข้าวของภายในอาคารแต่ละคูหาก็มีจำนวนเยอะมากทั้งของไวไฟ ผ้า กระดาษ คาดว่าช่วงก่อนเที่ยงวันนี้เหตุการณ์น่าจะสงบ

จากการสอบถามนายวัชรชัยฯ เจ้าของร้าน"โต๋กวงฮวด" เผยว่าร้านของตนนั้น เป็นร้านขายของเบ็ดเตล็ดทั่วไปทั้งเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง ก่อนที่จะปิดร้านเมื่อวานนี้นั้น ทุกอย่างก็ดูปกติ โดยเฉพาะระบบไฟของร้านก็มีการตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพลิงนั้นไหม้ได้อย่างไร และก็อาจเป็นไปได้ที่สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดมาจากโคมลอยเนื่องจากบริเวณจุดที่ประชาชนนักท่องเที่ยวพากันมาปล่อยโคมลอยกันในตอนกลางคืนวันลอยกระทง ก็อยู่ตรงสะพานแก้วนวรัฐ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปเพียง 2-3 ร้อยเมตรเท่านั้น

ขณะที่การลงพื้นที่สอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ พบว่ามีอาคารพาณิชย์ได้รับความเสียหายทั้งหมด 9 คูหา และมีอาคารที่ปลูกสร้างอยู่ด้านหลังอาคารพาณิชย์ได้รับความเสียหายอีก 1 หลัง หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้น คาดว่าน่าจะอยู่ใน หลักหลายสิบล้านบาท เนื่องจากแต่ละคูหาก็มีทรัพย์สินอยู่ภายในเป็นจำนวนมากบางคูหาก็ให้ข้อมูลว่ามีทรัพย์สินอยู่มากถึงหลักสิบล้าน ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ สงบคลี่คลายแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้มีการประเมินมูลค่าความเสียหายที่แน่ชัดอีกครั้ง