กรณีเช้ามืดวันที่ 7 ตุลาคม 2566 กองกำลังติดอาวุธฮามาส บุกโจมตีอิสราเอล ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน ทั้งยังมีการบุกเข้ามายิง ทำให้มีพลเมืองผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตหลายร้อยราย รวมทั้งแรงงานไทยที่ไปขุดทองในอิสราเอล เสียชีวิต 18 ราย ในจำนวนนี้เป็นแรงงานชาวอุดรธานี 7 คน ต่อมาทหารอิสราเอลได้เข้ายึดพื้นที่คืนแล้วช่วยแรงงานไทย โดยวันนี้คนไทยผู้รอดชีวิตจะเดินทางกลับประเทศไทยล็อตแรก จำนวน 15 คน หนึ่งในนั้นมี นายไกรสร บัวผาย แรงงานชาวอุดรธานี รวมอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้าน นายไกรสร บัวผาย อายุ 42 ปี แรงงานชาวอุดรธานี ที่กำลังเดินทางกลับประเทศไทย โดยบ้านอยู่หมู่ 2 บ้านนารายณ์ ต.จอมศรี อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ได้พบ นายสิงห์ทอง บัวผาย อายุ 65 ปี พ่อนายไกรสร
นายสิงห์ทอง เปิดเผยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า ตนเองมีลูกชาย 3 คน นายไกรสรเป็นลูกชายคนโต แต่งงานแล้ว มีลูก 1 คน นายไกรสรเคยเดินทางไปประเทศดูไบ 1 ปีกว่า กลับมาพักที่บ้านไม่นาน ก็ไปทำงานที่ไต้หวัน 6 ปี ครบกำหนดก็กลับมาพัก 1 ปี จากนั้นก็สมัครไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เหลืออีก 4 เดือน จะครบสัญญา 5 ปี โดยลูกชายไปทำงานสวนมันเทศ ตำแหน่งขับรถ ได้เงินเดือน 7-8 หมื่นบาท ซึ่งลูกชายส่งไปให้ภรรยา และแบ่งส่งมาให้ตนเองใช้ 2 เดือน 2-3 หมื่นบาท
"หลังจากทราบข่าวเหตุกองกำลังติดอาวุธบุกอิสราเอล รู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะกองกำลังติดอาวุธฆ่าไม่เลือก ลูกชายโทรศัพท์มาบอกน้องชายว่าจรวดยิงใส่แคมป์คนงานจนเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ และมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาเคาะประตูห้องพักคนงานไทย ห้องไหนเปิดก็ถูกยิงตาย แม้บอกว่าเป็นคนไทยก็ถูกยิงไม่เลือก ส่วนลูกชายอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา รอจนทหารอิสราเอลเข้ามาช่วยเหลือ และแจ้งความประสงค์ขอเดินทางกลับบ้าน" นายสิงห์ทอง เผย
บิดาแรงงานไทย กล่าวอีกว่า เช้าวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ลูกสะใภ้โทรมาบอกว่า นายไกรสร จะเดินทางกลับไทยล็อตแรก ลูกสะใภ้และหลานได้เหมารถตู้ไปรับที่สนามบินแล้ว นอกจากนี้ก็มีนายอำเภอมาแจ้งข่าวดีให้ตนเองทราบ
ตั้งแต่มีการโจมตีอิสราเอล ตนเองได้แต่รอฟังข่าวจากลูก เป็นห่วงลูกมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่หลังจากทราบว่าลูกชายปลอดภัย และจะเดินทางกลับเป็นล็อตแรกก็รู้สึกดีใจ โล่งใจ เหมือนถูกรางวัลที่ 1 เมื่อลูกเดินทางกลับมา ก็จะไม่ให้ลูกไปทำงานต่างประเทศอีกแล้ว ให้ทำมาหากินที่บ้านเรา แม้จะได้เงินน้อยแต่ก็ปลอดภัย