21 กันยายน 2566 ที่สวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่าย ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง นายกอบศักดิ์ เพ็ญนุกูล หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ฯ พาผู้สื่อข่าวไปชมฝูงค้างคาวขอบหูขาวเล็ก หรือค้างคาวหน้าหมา เนื่องจากมีหน้าตาเหมือนหมาหรือเหมือนสุนัขมาก ซึ่งแต่เดิมมีอยู่จำนวนไม่กี่ตัว บินมาทำรังอยู่ใกล้กับทางเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติภายในสวนพฤกษศาสตร์ฯ
ต่อมา ค้างคาวหน้าหมา ได้ขยายพันธุ์เพิ่มมากขึ้น เพราะพื้นที่ป่ากว้างถึง 2,483 ไร่ จึงมีความอุดมสมบูรณ์ มีผลไม้ป่าหลากหลายชนิด และปราศจากการถูกรบกวน ทำให้ค้างคาวหน้าหมาขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยมาอาศัยอยู่ใต้ใบพืชตระกูลปาล์ม เช่น ปาล์มจีบ ปาล์มชวา ปาล์มเจ้าเมืองตรังและปาล์มชนิดอื่น ๆ ใช้วิธีกัดใบปาล์มให้หุบลงคล้ายร่ม เพื่อช่วยในการบังแดดบังฝน ซึ่งแต่ละใบจะพบค้างคาวหน้าหมา 1-6 ตัวในบริเวณใกล้เคียงกัน ทำให้นักเรียนนักศึกษาและนักท่องเที่ยวที่เดินชมป่าสองข้างทาง ไม่พลาดที่จะแวะชมค้างคาวหน้าหมาได้ด้วย แต่หากไม่ใช้ไฟฉายส่อง ก็จะมองเห็นในระยะไกล เพราะค้างคาวตัวเล็ก
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเป็นเพราะถ้ำตามธรรมชาติ ถูกมนุษย์รบกวนหรือขาดแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ ทำให้ค้างคาวหน้าหมาเกิดการอพยพย้ายถิ่น แต่ก็ไม่พบอาศัยอยู่ที่อื่น นอกจากใต้ใบปาล์มที่สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้มานานกว่า 3-4 ปีแล้ว ซึ่งข้อดีคือมีต้นไม้นานาชนิดที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เกิดขึ้นจากมูลค้างคาวที่ถ่ายเอาไว้ใต้โคนต้น ทำให้เจ้าหน้าที่ฯ ได้เก็บกล้าไม้เหล่านี้ไปเพาะชำต่อ โดยไม่ต้องไปหาจากแหล่งอื่นให้เสียเวลา
ส่วนใครสนใจสามารถเข้าชมฝูงค้างคาวหน้าหมาได้ฟรีทุกวัน ในวันและเวลาราชการ ซึ่งนอกจากจะได้พบกับค้างคาวหน้าหมาแล้ว ยังมีพรรณไม้พื้นถิ่นและไม้เบญจพรรณหลากชนิด และหากโชคดีก็จะได้พบกับนกหายาก พญากระรอกดำและสัตว์อื่น ๆ ด้วย
ด้าน นายกอบศักดิ์ เพ็ญนุกูล หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่าย กล่าวว่า จุดไฮไลท์ที่น้องๆ นักเรียนตัวเล็ก ๆ ชอบคือค้างคาวขอบหูขาวเล็กหรือค้างคาวหน้าหมา ซึ่งจะพบมากในช่วงผลไม้ติดผล เพราะพวกนี้จะกินผลไม้เป็นอาหาร โดยปกติค้างคาวหน้าหมาจะมีอยู่ทั่วไป แต่ในสวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่ายจะมาทำรังที่ใบปาล์ม โดยการกัดใบปาล์มให้งุ้มลงเพื่อทำเป็นถ้ำสำหรับการอยู่อาศัย