รวบวัยรุ่นยิงอริ หลังออกมาซื้อลูกชิ้นหน้างานหมอลำ

18 ก.ย. 66 พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ จงกลรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเวฬุวัน คุมตัวนายอนุชา สีดาปุด หรือกุ้ง อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงนายยอดฉัตร แดงตาโคตร หรือปาย อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 81 หมู่ 4 ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เสียชีวิต หน้าโรงเรียนหินลาดวังตอ ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น

โดยพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายอนุชา พร้อมจักรยานยนต์ฮอนด้า พีซีเอ็กว์ หมายเลขทะเบียน 2 กผ 2433 ขอนแก่น ไปชี้จุดบริเวณจุดที่ใช้อาวุธปืน ก่อนที่จะไปชี้จุดที่นายอนุชานำปืนไปทิ้งที่บริเวณห้วยหินลาด ที่อยู่ห่างจุดเกิดเหตุบริเวณประมาณ 2 กิโลเมตร ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปพร้อมแฟนสาว และถูกตำรวจติดตามจับกุมได้เมื่อวานนี้

พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ จงกลรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเวฬุวัน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.30น. ของวันที่ 17 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยในวันเกิดเหตุมีการจัดแสดงคอนเสิร์ตคณะดอกเหมย โดยมีคนเข้าชมจำนวนมากคาดว่าทั้งผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตเคยมีเรื่องกันมาก่อน จากนั้นได้มาเจอกันภายในคอนเสิร์ตแล้วเกิดการเขม่นกัน

ก่อนที่จะผู้ต้องหาจะขับรถจักรยานยนต์พร้อมแฟนสาวออกมาหน้าโรงเรียน และพบกับกลุ่มผู้ตายจากนั้นกลุ่มผู้ตายที่มาจำนวนมาก จะปรี่เข้ามาทำร้ายแต่นายอนุชาได้ใช้อาวุธมา เก็บไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ยิงสวนไปโดยกระสุนไปโดนที่หน้าท้องของผู้ตาย ก่อนที่จะวิ่งหนีปืนรั้วโรงเรียนเข้าไป จากนั้นพลเมืองดีแจ้งหน่วยกู้ชีพเข้ามาช่วยเหลือ ก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาลและได้เสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา

ด้านนายอนุชา  ผู้ต้องหา บอกว่า ตนเองกับกลุ่มคนตายเคยมีเรื่องกันมาก่อน ในวันเกิดเหตุตนเองกำลังจะกลับ แต่ถูกกลุ่มคนตายได้ติดตามาจำนวนมาก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุกลุ่มผู้ตายบอกว่าตนเองได้ไปตีกลุ่มพี่ชายผู้เสียชีวิต และจะมาเอาคืนแม้ว่าแฟนสาวตนเองที่มาด้วยจะเข้าไปห้าม

แต่ไม่เป็นผลกลุ่มผู้ตายพยายามที่จะเข้ามารุมทำร้ายตนเอง เมื่อจวนตัวจึงได้นำปืนที่เก็บไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ยิงไปประมาณ 5 นัด โดย1นัดไปถูกผู้ตายจากนั้นตนเองก็ขับรถจักรยานยนต์หนีไปทันที จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองอยากขอโทษกับทางครอบครัว ผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ก่อนส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายส่วนแฟนสาวของนายอนุชา ตำรวจได้กันไว้เป็นพยานเพื่อจะมีการสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป