svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ทั่วไทย

ช่วยลุงตาบอด สู้ชีวิต เร่ขายไอศกรีมได้วันละ 100 บาท

เจ้าของร้านข้าวผัดปู ใจบุญช่วยลุงตาขวาบอด วัย 65 ปี สู้ชีวิต เร่ขายไอศกรีม วันละ 30 แท่ง ได้กำไร 100 บาท สะสมเป็นค่าห้องเช่าตามลำพัง ไม่มีครอบครัว วันไหนขายไม่หมด ต้องปล่อยละลายเพราะไม่มีตู้แช่ ทำใจขาดทุน

จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวของลุงขายไอศกรีมสู้ชีวิตคนหนึ่ง ที่รับไอศกรีมมาใส่กล่องเดินขายตามชุมชนต่าง ๆ บริเวณถนนนครอินทร์ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยระบุว่าเจอ "ลุงคนนี้รอบ 2 เดินขายไอติม ด้วยกล่องโฟมเล็กๆ ในกล่องใส่ได้ประมาณ 20 แท่ง ผมถามลุงทำไมขายแค่นี้ ลุงบอกว่ามีทุนเท่านี้ วันนี้ก็เลยให้ข้าวให้น้ำลุงกิน ลองดูเสื้อผ้าลุงนะ ถุงเท้าทำเอง กระเป๋าก็ทำเอง กล่องโฟมก็ทำหูหิ้วเอง สงสัยผมต้องซื้อจักรยานให้ลุงอีกคันนึงแล้ว ลุงเค้าอยู่แถว พระราม 5 เนี่ยเจอแกอุดหนุนกันหน่อยนะ" 
ช่วยลุงตาบอด สู้ชีวิต เร่ขายไอศกรีมได้วันละ 100 บาท

นนทบุรี วันที่ 15 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ร้านข้าวผัดปู พระราม 5 ถนน นครอินทร์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าว โดยได้พบกับนายสิทธิชัย กงภูธร เจ้าของร้านข้าวผัดปู ซึ่งเป็นผู้โพสต์เรื่องราวของลุงเดินเท้าขายไอติมดังกล่าว 
ช่วยลุงตาบอด สู้ชีวิต เร่ขายไอศกรีมได้วันละ 100 บาท

นายสิทธิชัย เปิดเผยว่า ขณะที่อยู่ในร้านเห็นแค่ลุงเดินเข็นรถเข็นขายไอติมคันเล็กๆอยู่ ก็เลยเรียกเข้ามาถามว่าขายอะไร ลุงบอกว่าขายไอติม ตนตั้งใจว่าจะเหมาทั้งหมด เพื่อช่วยเหลือลุง แต่พอดีมีไอศกรีมเหลืออยู่ 3 แท่ง จึงได้ซื้อเอาไว้ จากนั้นก็ไปสะดุดตากับเสื้อผ้าและถุงเท้าของลุงที่ตัดเย็บเอง ต่อมาในวันที่ 2 เห็นลุงเข็นรถมาขายอีก ตนเลยถ่ายรูปไปโพสต์ เพื่อให้คนเห็นและช่วยอุดหนุนลุง และได้ไปสะดุดตากับกระเป๋าสะพายขายไอติมที่ลุงตัดเย็บมาเองอีก ก่อนพูดคุยกันเรื่องกระเป๋าของลุงและถามเรื่องครอบครัวว่าอยู่กับใคร เพราะเห็นอายุเยอะ ทราบว่าลุงอยู่คนเดียวไม่มีครอบครัว วันหนึ่งจะออกไปรับไอติมมาขายประมาณวัน 30 แท่ง 

ช่วยลุงตาบอด สู้ชีวิต เร่ขายไอศกรีมได้วันละ 100 บาท
เมื่อสอบถามว่า ทำไมลุงถึงไม่นำไอติมมาขายให้เยอะกว่านี้ ลุงบอกว่าไม่ไหวไม่มีทุนพอ และกลัวจะแบกน้ำหนักไอติมไม่ไหว ประกอบกับตาข้างขวาของลุงเสียไปข้างหนึ่ง ด้วยความเห็นใจ ตนจึงอาสารับปากจะซื้อรถจักรยานคันใหม่ให้ เพื่อที่ลุงจะได้นำไอติมไปขายได้ไกลขึ้น และบรรทุกได้มากขึ้นด้วย โดยไม่ต้องแบกของ เนื่องจากลุงมีรายได้จากอาชีพขายไอติมเพียงอย่างเดียว 

นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า หลังจากที่ตนได้ตามมาดูชีวิตความเป็นอยู่ของลุงที่ห้องเช่า ก็รู้สึกหดหู่ใจที่เห็นลุงเช่าห้องพักอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆแคบๆ ไม่มีเตาแก๊สหุงต้ม มีแต่พัดลมตัวเล็กๆ กับมุ้งเก่าๆ เป็นลักษณะห้องที่ดูแย่มาก นอนก็พอดีตัว ทำให้ดูหดหู่เหมือนกัน เคสของลุงตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อใจสำหรับที่จะได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะปกติที่ร้านตนจะทำอาหารแจกให้กับคนยากไร้ และคนพเนจรเป็นประจำ 
ช่วยลุงตาบอด สู้ชีวิต เร่ขายไอศกรีมได้วันละ 100 บาท

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พบกับนายรุ่ง ลุงที่เดินเร่ขายไอติม วัย 65 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เดิมทีทำงานเป็น รปภ.แต่พออายุมาก บริษัทเลิกจ้าง จึงตัดสินใจมาขายไอติมเพื่อหารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องตามลำพัง แต่ละวันที่รับไอศกรีมมาขายประมาณ 30 แท่ง หากขายหมด หักค่าต้นทุนแล้ว จะเหลือกำไรวันละ 100 กว่าบาท ก็จะเก็บรวบรวมไว้จ่ายค่าเช่าห้องพัก โดยตนรับไอศกรีมมาขายไม่เยอะ ขายเท่าที่ไหว ไม่แบกน้ำหนักเยอะเกินไป เพราะอายุเยอะแล้ว และไม่ต้องการให้ไอศกรีมเหลือ เนื่องจากตนไม่มีตู้แช่เย็น หากขายเหลือไอศกรีมก็จะละลายทำให้ขาดทุน บางวันก็ต้องดูสภาพฝนฟ้าอากาศ ถ้าวันไหนฝนตกแต่เช้า วันนั้นตนก็ต้องงดออกไปรับไอศกรีมมาขาย รายได้ในวันนั้นก็จะไม่มี

ช่วยลุงตาบอด สู้ชีวิต เร่ขายไอศกรีมได้วันละ 100 บาท
นอกจากนี้ ตนพิการตาข้างขวาบอดมาหลายปีแล้ว จากอุบัติเหตุในช่วงที่ไปทำงานโรงงานรีไซเคิลแล้วพลาดถูกเศษพลาสติกกระเด็นใส่ตาจนทำให้ตาบอด ก่อนจะตัดสินใจมาเดินขายไอศกรีม ซึ่งก็ลำบากเพราะมองเห็นเพียงข้างเดียว แต่ละวันจึงสามารถไปรับไอศกรีมมาขายได้เพียงรอบเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องรถเข็น ถุงเท้า หรือกระเป๋าสะพายใส่กล่องไอติมนั้น ตนเก็บของที่ถูกทิ้งมาดัดแปลง ทำขึ้นมาเองตามความชอบส่วนตัว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้จำนวนหนึ่ง โชคดีที่ตนไม่มีครอบครัวจึงไม่ต้องกังวลใจอะไรมาก แต่มีภาระที่ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเช่าห้องเดือนละพันกว่าบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการเดินขายตระเวนขายไอศกรีมในแต่ละวัน