svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

เตือนภัย! เสี่ยสายหื่น ทำทีหาเด็กทำงานแลกเงินพิเศษ ก่อนพาเข้าโรงแรม

เตือนภัย! เสี่ยอสังหาริมทรัพย์สายหื่น ทำทีใจบุญ ประสานโรงเรียนช่วยหาเด็กทำงานบ้านแลกทุนการศึกษา สุดท้ายพาเด็กเข้าโรงแรม

23 สิงหาคม 2566 เป็นเรื่องราว เตือนภัย ที่อาจจะเกิดขึ้นกับบุตรหลาน โดยเฉพาะภัยทางเพศ และการล่วงละเมิดทางเพศเด็กและเยาวชน ผ่านการหลอกลวงให้ไปทำงาน โดยที่ จ.กาญจนบุรี ภายหลังจากมีผู้ปกครอง ประสานขอความช่วยเหลือจาก มูลนิธิวินวิน ให้ช่วยตรวจสอบกรณีเด็กหญิงอายุ 13 ปี นักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ท่าม่วง

ซึ่งถูกเสี่ยเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ล่อลวง โดยหลอกว่า จะพาไปทำงานทำความสะอาดบ้าน แลกกับค่าแรง 350 บาท ก่อนพาเด็กเข้าโรงแรม เพื่อพยายามล่วงละเมิดทางเพศ แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ จึงให้เงินเด็ก 350 บาท ก่อนพาไปส่งบ้าน และย้ำไม่ให้แจ้งความ หรือบอกคนอื่น 

แต่ต่อมาทางครอบครัวเด็กทราบเรื่อง จึงพาเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่คดีไม่คืบหน้า ขณะที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียน ที่เป็นคนจัดหาเด็กไปทำงานทำความสะอาดบ้านให้เสี่ยรายดังกล่าว จนเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นว่า มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุหรือไม่
เตือนภัย! เสี่ยสายหื่น ทำทีหาเด็กทำงานแลกเงินพิเศษ ก่อนพาเข้าโรงแรม

 

น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิวินวิน พร้อมด้วย นางนิตยา จันทร์เพ็ญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพังตรุ , เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางลงพื้นที่โรงเรียน ของเด็กหญิงวัย 13 ปี ที่ถูกล่อลวง ได้พูดคุยกับ น.ส.ธปารย์เอื้อ มณีสุวรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ของเด็กที่ถูกก่อเหตุ 
เตือนภัย! เสี่ยสายหื่น ทำทีหาเด็กทำงานแลกเงินพิเศษ ก่อนพาเข้าโรงแรม  

น.ส.ธปารย์เอื้อ ให้ข้อมูลว่า รู้จักกับเสี่ยคนดังกล่าว จากการไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ร่วมกัน จากนั้นมีการพูดคุยทำความรู้จักกัน ในฐานะเพื่อนสายบุญ ชอบทำบุญช่วยเหลือผู้ยากไร้ ต่อมาเสี่ยได้เดินทางมาหาตนเองที่โรงเรียนบอกว่า อยากช่วยเหลือเด็กในโรงเรียน ที่มีฐานะยากจน

โดยให้เด็กไปทำงานทำความสะอาดที่บ้านของเสี่ย แลกกับค่าแรงวันละ 350 บาทในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ จึงได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมของโรงเรียน เพื่อหาเด็กที่ทางบ้านมีฐานะยากจน และอยากจะมีรายได้เสริม ไปทำงานกับเสี่ยคนดังกล่าว 

กระทั่งมีเด็กสนใจไปทำงาน 2 คน เป็นนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 คน และมัธยมศึกษาปีที่ 3 อีก 1 คน เริ่มไปทำงานวันแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา วันดังกล่าวมีเด็กหญิงบี (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.3 พร้อมนางมานะ ซึ่งเป็นแม่บ้านของโรงเรียน เดินทางไปทำงานที่บ้านของเสี่ยด้วยกัน ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น

ต่อมาช่วงเย็นวันดังกล่าว ทางผู้อำนวยการโรงเรียน ได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับเสี่ยว่า แม่บ้านและเด็กทำงานเรียบร้อยดีหรือไม่ ก่อนที่เสี่ยจะขอให้ ผอ.โทรไปบอกยกเลิกแม่บ้านว่า ไม่ต้องมาทำงานในวันอาทิตย์ที่ 13 ส.ค. 66 ให้เหตุผลว่า อายุเยอะและทำงานไม่เรียบร้อย จะขอรับเด็กมาทำงานคนเดียว ซึ่งทาง ผอ.ก็ได้โทรศัพท์ไปบอกกับแม่บ้านตามนั้น
น.ส.ธปารย์เอื้อ มณีสุวรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ของเด็กที่ถูกก่อเหตุ

ต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 13 ส.ค. 66 มีเพียงเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เดินทางไปทำงานกับเสี่ยเพียงลำพัง โดยเสี่ยขับรถมารับเด็ก ที่หน้าโรงเรียน แต่ไม่ได้พาไปทำความสะอาดบ้าน ตามที่ตกลงไว้

แต่กลับพาเด็กเข้าโรงแรม และพยายามล่วงละเมิดทางเพศแต่ไม่สำเร็จ จากนั้นได้พาเด็กหญิงเอ กลับมาส่งที่โรงเรียน พร้อมให้เงิน 350 บาท ก่อนข่มขู่เด็กไม่ให้นำเรื่องไปบอกใคร กระทั่งผ่านไป 1 วัน ครอบครัวของเด็กทราบเรื่อง จึงโทรมาบอกผู้อำนวยการโรงเรียน และพาเด็กเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำรอง เพื่อดำเนินคดีกับเสี่ยคนดังกล่าว

ผู้อำนวยการโรงเรียนยืนยันว่า ตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็น ในการล่อลวงเด็ก ไปให้กับเสี่ยคนดังกล่าวก่อเหตุ ที่หาเด็กไปทำงาน ก็เพียงอยากให้เด็กมีรายได้เสริม และไม่คิดว่า เสี่ยซึ่งมีลักษณะเป็นคนใจบุญ จะทำพฤติกรรมเลวร้ายเช่นนี้ หลังจากทราบเรื่อง ทางเสี่ยได้โทรศัพท์กลับมาหาตนเอง ยอมรับผิดในเรื่องที่เกิดขึ้น บอกว่าพร้อมจะรับผิดชอบ จ่ายค่าเสียหายให้กับครอบครัวของเด็กหญิงเอ

น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิวินวิน กล่าวว่า หลังจากเข้าพูดคุยสอบถามข้อมูล จากทางผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว  จากนี้จะได้ประสานกับตำรวจถึงเรื่องคดี เนื่องจากมีข้อมูลว่า หลังเกิดเหตุและครอบครัวของเด็กผู้เสียหาย เข้าแจ้งความแล้ว ตำรวจได้เรียกครอบครัวของเด็ก รวมถึงผู้ก่อเหตุ เข้ามาพูดคุยที่สถานีตำรวจ คล้ายให้เจรจาค่าเสียหายกัน

ซึ่งต้องสอบถามตำรวจว่า คดีเช่นนี้ยอมความได้หรือไม่ เนื่องจากเด็กหญิงผู้เสียหาย มีอายุเพียง 13 ปี และการกระทำความผิดดังกล่าว เป็นคดีอาญาที่เกิดกับเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี จึงน่าจะไม่ยอมความกันได้ อีกทั้งทางมูลนิธิ อยากจะให้ตำรวจช่วยตรวจสอบประวัติ ของเสี่ยผู้ก่อเหตุว่า เป็นการกระทำความผิดครั้งแรกหรือไม่  หรือเคยก่อเหตุกับเด็กโรงเรียนอื่น ในลักษณะเดียวกันมาก่อนหรือไม่ 

เนื่องจากพฤติกรรมที่ทำทีเป็นคนใจบุญ ประสานความร่วมมือไปตามโรงเรียน ให้ช่วยหาเด็กที่มีฐานะยากจน เข้ามาทำงานพิเศษกับตนเอง ก่อนจะล่อลวงเด็กไปล่วงละเมิดทางเพศ ถือเป็นพฤติกรรมที่อันตรายกับเด็กมาก จึงอยากให้ตำรวจช่วยตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย และในส่วนคดีของเด็กหญิงเอนี้ อยากให้ตำรวจดำเนินคดีเอาผิด กับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด เพื่อให้ครอบครัวของเด็กหญิงผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม
น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิวินวิน  

สอบถามไปยัง พ.ต.อ.อนันต์ไพศาล แดงดอนไพร ผกก.สภ.สำรอง ยืนยันว่า ตำรวจได้สอบปากคำผู้ก่อเหตุ รวมถึงครอบครัวของเด็กหญิงแล้ว เหลือเพียงการสอบปากคำเด็กหญิง ที่ถูกก่อเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ จากนั้นจะดำเนินคดีกับเสี่ยต่อไป

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ทางตำรวจเรียกครอบครัวของเด็กหญิงผู้เสียหาย มาเจรจากับเสี่ยนั้น  ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเรียกมาตกลงค่าเสียหาย เพื่อให้ยอมความกัน แต่เนื่องจากตัวผู้ก่อเหตุ มีความประสงค์อยากจ่ายเงินเยียวยา ให้ครอบครัวของเด็กหญิงที่ถูกก่อเหตุเท่านั้น ยืนยันว่า จะดำเนินการสอบสวนพร้อมดำเนินคดี กับเสี่ยผู้ก่อเหตุ ตามกฎหมายอย่างแน่นอน
เตือนภัย! เสี่ยสายหื่น ทำทีหาเด็กทำงานแลกเงินพิเศษ ก่อนพาเข้าโรงแรม