svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

คนทำงานชายแดนสุดทน จี้ฝ่ายนิติบัญญัติ หามาตรการคุ้มครอง ปชช. จากภัยสงคราม

04 สิงหาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คนทำงานชายแดนสุดทน ทำหนังสือจี้ฝ่ายนิติบัญญัติ หามาตรการคุ้มครองคนชายขอบ จากภัยสงครามฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่กระทบไทย

4 สิงหาคม 2566 ความคืบหน้าสถานการณ์ การสู้รบระหว่างทหารเมียนมา และกองกำลังกะเหรี่ยงคะยา ใน รัฐคะยา ประเทศเมียนมา บริเวณชายแดนแม่ฮ่องสอน ที่ยังคงมีการสู้รบอย่างดุเดือด ใช้อาวุธหนักเข้าโจมตีใส่กัน จนมีผู้อพยพลี้ภัยสงคราม ข้ามมาฝั่งประเทศไทยจำนวนมาก 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ล่าสุด น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) เปิดเผยว่า เครือข่ายภาคประชาสังคม 7 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน , เสมสิกขาลัย มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป , มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) , มูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล , มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน , เครือข่ายแก้ปัญหาคืนสัญชาติคนไทย พังงา ระนอง ชุมพร ประจวบฯ (คนไทยพลัดถิ่น) , Burma Concern

ได้ส่งหนังสือ ถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อขอให้มีมาตรการคุ้มครองประชาชนตามแนวชายแดนตะวันตก ในสถานการณ์การสู้รบของประเทศเมียนมา 
คนทำงานชายแดนสุดทน จี้ฝ่ายนิติบัญญัติ หามาตรการคุ้มครอง ปชช. จากภัยสงคราม
 

น.ส.เพียรพร ระบุว่า สถานการณ์ชายแดนไทย - เมียนมา นับตั้งแต่ชายแดนภาคเหนือ ที่ จ.เชียงราย , จ.เชียงใหม่ , จ.แม่ฮ่องสอน , จ.ตาก , จ.กาญจนบุรี ลงไปจนถึง จ.ระนอง ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่รัฐประหารในเมียนมา  ได้เกิดความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้เกิดการอพยพของประชาชน จากฝั่งประเทศเมียนมา เข้ามาประเทศไทยจำนวนมาก และสิ่งที่ประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ในชุมชน ตลอดแนวชายแดนต้องเผชิญ คือ การได้รับผลกระทบจากการโจมตีโดยอากาศยาน และภาคพื้นของกองทัพเมียนมา ได้สร้างความเสียหายที่เกิดขึ้น กับประชาชนไทยเกิดขึ้นในหลายเหตุการณ์ 
คนทำงานชายแดนสุดทน จี้ฝ่ายนิติบัญญัติ หามาตรการคุ้มครอง ปชช. จากภัยสงคราม  

ทั้งนี้หนังสือที่ส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคการเมือง ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. 64 ที่บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย และบ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เครื่องบินรบเมียนมา บินมาทิ้งระเบิดฝ่ายตรงข้าม บริเวณชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน แต่เครื่องบินรบเมียนมา ได้รุกล้ำข้ามมาถึงน่านฟ้าไทย การสู้รบครั้งนี้ มีลูกกระสุนปืนหลายชนิด ตกใส่ทรัพย์สินและบ้านเรือนของประชาชน 
 

ต่อมา 28 เม.ย. 64 การปะทะกันบริเวณรอบฐานดากวิน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ บ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เครื่องบิน-เฮลิคอปเตอร์ของเมียนมา ทิ้งระเบิด พร้อมมีเสียงปืนกลบนเครื่องบิน ชาวบ้านชาวไทย ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำสาละวิน ได้อพยพเข้าป่าหนีห่างจากชายแดน

อีกจำนวนหนึ่ง ยังอยู่ในบ้าน แต่ยังเฝ้าระวังสถานการณ์ เพราะเกรงว่า เครื่องบินของเมียนมา จะจู่โจมในตอนกลางคืน การสู้รบครั้งนี้ ชาวบ้านสามารถถ่ายภาพ เครื่องบินรบเมียนมา ที่บินเหนือน่านฟ้า หมู่บ้านท่าตาฝั่ง ไว้ได้ชัดเจน และมีการเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์
 

“ทุกวันนี้ในรัฐกะเหรี่ยงฝั่งเมียนมา ใกล้ชายแดนไทย ก็ยังคงมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิดเป็นระยะ ๆ และมีโดรนมาสำรวจพิกัดอย่างต่อเนื่อง สร้างความหวาดกลัว แก่ชาวบ้านที่ทำไร่ไถนาในฝั่งไทย” 


คนทำงานชายแดนสุดทน จี้ฝ่ายนิติบัญญัติ หามาตรการคุ้มครอง ปชช. จากภัยสงคราม  

หนังสือถึงประธานสภาฯ และหัวหน้าพรรคการเมือง ยังระบุว่า ช่วงวันที่ 30 มิ.ย. 65 มีเครื่องบินรบ ของกองทัพเมียนมา ได้บินผ่านหมู่บ้านวาเล่ย์เหนือ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก โดยยิงอาวุธปืนจากเครื่องบิน ทำให้กระสุนตกบริเวณในไร่ปาล์ม และมีสะเก็ดระเบิดถูกรถยนต์กระบะ ของประชาชนไทย ซึ่งจอดห่างจากชายแดนประมาณ 1 กิโลเมตร เครื่องบินรบของเมียนมา ยังบินผ่านเข้าไปในตัวเมือง อ.พบพระ อีกด้วย ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย พยายามเรียกร้องให้ทหารไทย ประสานกับทหารเมียนมา เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นภาระ ของบริษัทประกันภัย
 

“ทุกวันนี้ราษฎรไทย ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเมย ต่างรู้สึกกังวลใจในสถานการณ์สู้รบจากฝั่งเมียนมา เพราะไม่แน่ใจว่า จะมีการรุกล้ำพื้นที่เข้ามาหรือไม่ เพราะยังมีการสู้รบอย่างสม่ำเสมอ”


หนังสือระบุว่า ก.พ. 66 ที่ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ทหารเมียนมา ได้ยิงปืน ค. ถล่มฝ่ายต่อต้าน และหมู่บ้านพลเรือนชายแดนเมียนมา ทำให้ชาวบ้านฝั่งเมียนมา ต้องหลบหนีข้ามมาอาศัยอยู่ในสวนปาล์มฝั่งไทย ขณะเดียวกันมีกระสุนปืน ค. ของทหารเมียนมา ได้ตกลงข้างคอกวัวในฝั่งไทย ทำให้วัวตายและบาดเจ็บ คอกวัวเสียหาย ต่อมามีทหารไทย เข้ามาเก็บสะเก็ดระเบิดทั้งหมดออกไป แต่ไม่เคยหน่วยงานรัฐ เข้ามาสอบถามเรื่องความเสียหาย หรือเยียวยาใด ๆ 

และเมื่อเดือน ก.ค. 66 ชายแดนไทยด้าน บ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน กองทัพเมียนมา ได้ส่งเครื่องบินรบมาทิ้งระเบิด ลงหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีชาวบ้านฝั่ง รัฐคะเรนนี ต้องหนีภัยความตาย  ข้ามมาพักพิงยังฝั่งไทย ร่วมหมื่นคน จนปัจจุบันก็ยังไม่มีท่าที่ว่า ความรุนแรงดังกล่าวจะคลี่คลาย 
คนทำงานชายแดนสุดทน จี้ฝ่ายนิติบัญญัติ หามาตรการคุ้มครอง ปชช. จากภัยสงคราม

หนังสือระบุด้วยว่า นอกจากสถานการณ์ข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ไม่เป็นข่าว ซึ่งเครือข่ายภาคประชาชนเห็นว่า สถานการณ์ในลักษณะนี้ จะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนจำนวนมากในฝั่งเมียนมา ถูกถล่มโดยไม่แยกแยะเป้าหมาย ระหว่างพลเรือน และทหารฝ่ายตรงกันข้าม

โดยกองทัพเมียนมา ได้โจมตีทั้ง โรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์พักพิงชั่วคราว และหมู่บ้านจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกวันนี้ประชาชนสองฝั่ง ต่างหวาดผวาเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบิน ชาวบ้านที่ทำไร่ทำนา ประกอบอาชีพอยู่ตามแนวชายแดน ทั้งฝั่งไทยและเมียนมา ต่างหนีหลบภัย จนไม่เป็นอันทำมาหากิน 

การยิงระเบิดและทิ้งระเบิด จากอากาศยานของกองทัพเมียนมา เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนับวันกองทัพเมียนมา จะเข้าถึงพื้นที่ด้วยกองกำลังทหารราบยากขึ้น จึงต้องใช้แสนยานุภาพทางอากาศยานเป็นหลัก แต่การไม่แยกแยะเป้าหมาย ได้ส่งผลต่อพลเรือนชายแดน ทั้งฝั่งไทยและฝั่งเมียนมา ทำลายทรัพย์สินและสร้างความหวาดหวั่น ให้ประชาชนชาวไทยตามแนวชายแดน การทิ้งระเบิดและโจมตี พื้นที่พลเรือน เป็นการละเมิดกติกาสากล 

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังต้องรองรับผู้หนีภัยความตาย ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม ปัจจุบันยังไม่มีมาตรการใด ๆ ที่ทำให้ชาวบ้านอุ่นใจได้เลย

ในช่วงท้ายของหนังสือระบุว่า พวกเราเป็นองค์กรที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกับชายแดน ได้รับรู้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และรู้สึกเป็นกังวลในสถานการณ์บริเวณชายแดน โดยเห็นว่า รัฐบาลไทยควรให้ความคุ้มครองประชาชน ในแนวชายแดน เพื่อให้ทำมาหากินได้เป็นปกติ

อย่างน้อยควรมีมาตรการคุ้มครองป้องกัน ไม่ให้อากาศยานเมียนมา เข้ามาทำร้ายชุมชนพลเรือนตามแนวชายแดน จึงหวังว่าฝ่ายนิติบัญญัติ ที่เป็นตัวแทนของประชาชน จะร่วมกันผลักดันให้เกิดมาตรการคุ้มครองประชาชน ตามแนวชายแดน ที่กำลังเผชิญความเดือดร้อน จากสงครามในประเทศเพื่อนบ้าน
หนังสือถึงถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคการเมือง
หนังสือถึงถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคการเมือง
 

logoline