ผบช.ภ.5 เผย พบเบาะแสสำคัญ น้า-หลาน 5 ชีวิต หายปริศนา เร่งแกะรอยหาตัว
ผบช.ภ.5 เผย พบเบาะแสการใช้บัตรเอทีเอ็มของ 1 ในผู้สูญหาย กดเงินที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เร่งประสานตำรวจภูธรภาค 8 ติดตามตัว ก่อนหน้านี้ได้พบภาพผู้สูญหาย ในกล้องวงจรปิดที่ จ.เชียงราย
29 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา น้าหลานรวม 5 ชีวิต ประกอบด้วย
- นางอุษา อายุ 43 ปี
- น.ส.ชนนิกานต์ หรือน้องบีม อายุ 22 ปี
- น.ส.ญาสุมินร์ หรือน้องรุ้ง อายุ 22 ปี (เพื่อน น.ส.ชนนิกานต์)
- ด.ช.พรพิพัฒน์ อายุ 13 ปี หรือน้องฟอร์ด
- ด.ญ.ศิรประภา หรือน้องฟ้าใส อายุ 13 ปี
ได้หายออกจากบ้านไปพร้อมกับนายลมกรด หรือนายแบงค์ อายุ 36 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ แฟนของ น.ส.ชนนิกานต์ โดยนำรถตู้สีขาว ทะเบียน อุดรธานี โดยมี นายนพดล เป็นคนขับ และมีหญิงสาวคนสนิทของนายนพดล นั่งมาในรถรวม 3 คน นั้น
ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งส่งทีมสืบสวนทั้งจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และกองบังคับการกองปราบปราม และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าติดตามสืบสวนคลี่คลายคดี วันเดียวกันที่ สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช รถตู้สีขาวที่ถูกระบุว่าเป็นคันที่เป็นพาหนะนำบุคคลที่อยู่ในสถานะไม่สามารถติดต่อได้ทั้ง 5 คน นายลมกรดและพวกอีกรวม 3 คน รถตู้คันนี้ได้ถูกตรวจยึดมาไว้ที่ สภ.ท่าศาลา และจับกุมนายนพดล มาได้แล้ว ในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์ หลังจากได้ทำการสอบสวนแล้วได้ให้ประกันตัวไปในวงเงิน 7 หมื่นบาท ส่วนนายลมกรด และนางบังอร ยังอยู่ในระหว่างการติดตามตัวจากทีมสืบสวนภาค 5 และทีมสืบสวนของแต่ละ สภ.ที่มีท้องที่ภูมิลำเนาของผู้ต้องหา
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กลุ่มผู้สูญหายออกจากพื้นที่ภาคใต้มาตั้งแต่เดือนเมษายน จากการสืบสวนพบว่า มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้สูญหาย วันที่ 9 พ.ค.66 มีภาพกล้องวงจรปิด ปรากฏอยู่ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในอ.แม่สรวย จ.เชียงราย พบ นางสาวชนนิกานต์ และ เด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และกลุ่มผู้สูญหาย เข้าเจรจากับ นักท่องเที่ยวจีน ที่ สภ.แม่สรวย เนื่องจากมีการหยิบโทรศัพท์ ของนักท่องเที่ยวจีนที่ลืมไว้ในปั้มน้ำมัน คนที่ลืมโทรศัพท์ก็ไม่ติดใจเอาความ จึงแยกย้ายกันไป
จากนั้น วันที่ 10 พ.ค.66 ฝ่ายสืบสวน สภ.แม่ใจ จ.พะเยา ได้นำหมายจับ สภ.เมืองอุดรธานี ในข้อหาฉ้อโกง ไปจับ นายนพดล คนขับรถตู้ ทำให้ นายลมกรด หรือนายแบงค์ ก็ได้เรียกรถคันใหม่ พาผู้สูญหายเดินทางต่อไป จากพยานหลักฐาน จากเทคโนโลยีในการค้นหา พบว่า กลุ่มผู้สูญหายได้เดินทาง ผ่าน จ.เชียงราย จ.พะเยา เชียงใหม่ และ ข้อมูลล่าสุดพบว่า มีการ กด ATM ในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ประสาน ตำรวจภูธรภาค 8 ในการขยายผลตามหากลุ่มผู้สูญหาย
จากข้อมูลเบื้องต้นน่าเชื่อได้ว่า ไม่น่าจะมีการถูกบังคับขู่เข็ญ หรือถูกหลอกลวง แต่ตำรวจต้องดูหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะ จากการที่กลุ่มผู้สูญหาย 2คน ขึ้นไป เจรจากับคนทำโทรศัพท์หาย ที่สภ.แม่สรวย ซึ่งมีภาพในกล้องวงจรปิดอยู่ที่ สภ.แม่สรวย อยู่ระยะหนึ่ง และไป ที่ สภ.แม่ใจ จ.พะเยา เนื่องจาก คนขับรถถูกจับ หากมีการถูกบังคับขู่เข็ญ ต้องแจ้งให้ตำรวจทราบ ซึ่งประเด็นนี้ต้องสืบสวนต่อว่าเดินทางไปไหนอย่างไร