
18 มิถุนายน 2566 ที่ จ.เชียงราย เมื่อช่วงเย็นวานนี้ น.ส.เอ นามสมมุติ ได้หอบหลักฐาน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.แม่สาย ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับตรวจร่างกาย หลังที่ผ่านมา ข้ามไปทำงานเป็นเด็กเอ็น ฝั่งเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้ามกับ อ.แม่สาย กระทั่งถูกเพื่อนร่วมชาติ ที่ข้ามไปทำมาหากินเหมือนกัน รุมกระทืบปางตาย ปมเหตุหึงหวง
น.ส.เอ เผยว่า เมื่อช่วงปี 65 ตนข้ามไปทำงานเป็นเด็กเอ็น ที่เมืองท่าขี้เหล็ก ช่วงที่ทำงาน มีนายเมย์ อายุประมาณ 30 ปี ที่เป็นคนไทย และไม่ทราบว่าทำงานอะไรในเมืองท่าขี้เหล็ก มาติดพันและมักจะเรียกตนไปเอ็นตลอด และมักอ้างว่า ถูกภรรยาทิ้งไปนานแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่พูด ขอแค่เพียงทำงานเอ็นได้เงินก็พอ
โดยนายเมย์ ได้ชอบพอตนและซื้อสร้อยทองคำ 1 บาท ให้ กระทั่งต่อมาได้มีหญิสาว ชื่อ น.ส.แป้ง อ้างว่า เป็นภรรยาของนายเมย์ ทักเฟซบุ๊กมาต่อว่าตน จนต้องหนีกลับไทยเพราะไม่อยากมีปัญหา กระทั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตนพร้อมเพื่อนสาว 2 คน ข้ามกลับไปทำงานเด็กเอ็น ที่เมืองท่าขี้เหล็กอีกครั้ง ต่อมาวันที่ 15 มิ.ย. เวลา 2 ทุ่ม ได้มี น.ส.เฟส ที่เป็นนกต่อ และเป็นเด็กเอ็นด้วยกัน ทักมาบอกว่า มีแขกจีนเรียกให้ไปเอ็น เดียวจะมีรถตู้มารับ ให้มาขึ้นรถตู้ตามที่บอกให้
ตนจึงไปตามที่บอก กระทั้งพบรถตู้มาจอดรอรับ จึงได้ขึ้นไป แต่กลับพบว่า ในรถมีหญิงสาวรุ่น ๆ เดียวกัน 6 คน รวมทั้งคนขับ ซึ่งตนคิดว่า เป็นเด็กเอ็นเหมือนกัน จึงขึ้นรถไป แต่เมื่อรถวิ่งไปได้ราว 300 เมตร หญิงที่อยู่ในรถตู้ พากันกระโจนมาตบตีตน รวมถึงเอากรรไกรมากร้อนผม ขณะเดียวกันได้มีเสียงตะโกนบอกผู้หญิงที่อยู่ท้ายรถว่า “แป้งมึงท้องไม่ต้องทำ” ตนจึงรู้ว่า คนชื่อแป้ง คือภรรยาของนายเมย์ ที่เคยมาติดพันตนเอง
หลังจากที่ทุบตี และใช้กรรไกรตัดผมตัดเสื้อตนเสร็จ กลุ่มมาเฟียเด็กเอ็น ได้นำตนไปทิ้งที่กองขยะที่ไหนไม่รู้ ร่างกายตอนนั้นระบมไปทั้งตัว เสื้อผ้าขาดหมด เมื่อตั้งสติได้จึงเรียก จยย. ที่ผ่านมา ให้พาไปส่งที่ห้องพัก และเก็บตัวอยู่ในห้องพัก ไม่กล้าจะออกไปไหน เพราะหวั่นว่า มาเฟียเด็กเอ็นจะมารอดักซุ่มทำร้ายอีก กระทั้งเรื่องเงียบจึงได้ข้ามกลับมา
น.ส.เอ กล่าวว่า คิดว่า น.ส.แป้ง ภรรยาของนายเมย์ ได้จ้างเด็กเอ็นเหมือนกัน ให้มาเป็นนกต่อ เรียกตนออกไป เพราะไม่มีใครรู้ว่า ตนข้ามมาทำงานตั้งแต่เมื่อไร หลังจากนี้ตนจะปรึกษาทนาย ให้ดำเนินคดีระหว่างประเทศ