เปิดการ์ดสื่อสารผิดพลาด "เจ้าของร้านทำผม" ไหว้ขอโทษ เหยียดคนรากหญ้า
ทัวร์ลงอย่างหนัก! เจ้าของร้านทำผมเชียงใหม่ โพสต์ขอโทษเหยียดคนรากหญ้า ตอนนี้กระทบหนัก เผย เป็นการสื่อสารผิดพลาด ตั้งใจบอกว่า ร้านใช้อุปกรณ์มีมาตรฐาน แต่ราคาไม่แพง
กรณีเจ้าของร้านทำผมเชียงใหม่ อัดคลิปโพสต์ลง TIKTOK ระบุ ที่ร้านไม่เน้นคนรากหญ้า หรือลูกค้าที่ไม่พร้อมจะจ่ายค่าบริการราคาแพง โดยอวดอ้างว่า เครื่องมืออุปกรณ์ในร้านเป็นของดีคุณภาพสูงจากต่างประเทศ บางชิ้นสามารถซื้อบ้านของคนจนได้เลย นอกจากนี้ฝีมือช่างและมีมาตรฐานการระดับสูง ในการให้บริการ ดังนั้นราคาจึงต้องสูงเป็นธรรมดา ก่อนถูกทัวร์ลงอย่างหนักจนต้องลบคลิป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
26 พฤษภาคม 2566 ล่าสุดเพจร้าน P & O Salon ร้านเสริมสวยซึ่งตั้งอยู่ ต.แช่ช้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า "ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดต้องกราบขอโทษ และขออภัยทุก ๆ คน กับสิ่งที่เกิดขึ้น น้อมรับความผิดพลาดครั้งนี้เป็นครู เป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงแก้ไขตัวเองและขอบคุณลูกค้า เพื่อนร่วมอาชีพ ทุก ๆ คน ได้อ่านทุกคอมเมนต์และทุกข้อตักเตือนต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว ทุกคนเปรียบเหมือนครู อันไหนที่ผิดและไม่เหมาะสมจะรีบแก้ให้ดีขึ้นในทันที และอันไหนที่ดี จะน้อมรับเอากลับมา พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น กราบขออภัยอย่างสูง" ลงชื่อ "ช่างโอ"
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านดังกล่าว ได้พบกับนายธีรยุทธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี หรือ ช่างโอ และ นายประวิณ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ทั้งคู่ได้ออกมาขอโทษและยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิด โดยช่างโอ เจ้าของร้านและเจ้าของคลิปดังกล่าว เผยว่า รู้สึกผิดอย่างมาก และขอโทษสังคม ที่ทำให้คำพูดที่สื่อสารออกไปนั้นไปกระทบกับความรู้สึก ซึ่งตนเองตั้งใจะส่งอออกไปว่า ร้านของตัวเองนั้นใช้อุปกรณ์มีมาตรฐานสูง ราคาแพง แต่ราคาไม่ได้แพง
อย่างร้านที่ตกเป็นข่าวไป ราคาค่าบริการเหมือนร้านทำผมทั่วไป ราคาเริ่มต้น 250 บาท สำหรับสระไดร ส่วนตัดหรือทำอย่างอื่น ราคาจะขึ้นอยู่กับความยากง่าย และอุปกรณ์ ข้าวของที่ใช้เท่านั้น ยอมรับว่าพลาดตรงที่ไปใช้คำพูดถึงคนรากหญ้า ขอน้อมรับความผิดที่เกิดขึ้น และจะขอปรับปรุงเรื่องของการสื่อสาร ที่สื่อออกไปสู่สังคม
ด้าน นางนัยนภัส สังขนุกิจ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า ตอนนี้ได้รับทราบเรื่องแล้ว หลังจากนี้ก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับลงพื้นที่ไปยังร้านดังกล่าวอีกครั้งว่า มีการทำตามระเบียบของกระทรวงพาณิชย์หรือไม่