ความคืบหน้าการสืบสวนหาพยานหลักฐานคดี "แอม ไซยาไนด์" ผู้ต้องหาวางยาต่อเนื่อง ล่าสุด ตำรวจได้รับแจ้งจากเพื่อนสนิทแอม ซึ่งอยู่ที่ จ.เพชรบุรี ว่า มีพัสดุส่งมาจาก ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ทำให้สังหรณ์ใจว่า พัสดุดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับแอม เมื่อเปิดดูภายในพบกระเป๋าแบรนด์เนม โทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าสตางค์ ซึ่ง น.ส.นิภาวรรณ ขันวงษ์ พี่สาวของก้อย ยืนยันว่า กระเป๋าที่พบเป็นของน้องสาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
12 พฤษภาคม 2566 นายรพี ชำนาญเรือ กล่าวว่า หลังทราบข่าวมีการพบกล่องพัสดุบรรจุกระเป๋า และโทรศัพท์มือถือของน้องก้อย ถูกส่งไปให้กับเพื่อนสนิทขอแอม ที่จังหวัดเพชรบุรี ตนจึงได้ติดต่อไปยังเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเป็นผู้ส่งพัสดุดังกล่าว จนทราบว่าเป็นน้องสะใภ้ของแอม
น้องสะใภ้ของแอม ยืนยันกับนายรพี ว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับคดีที่เกิดขึ้น ส่วนพัสดุกล่องดังกล่าว แอมขอร้องให้ช่วยนำไปส่งเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 โดยที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าด้านในกล่องเป็นของอะไร เพราะแอมปิดกล่องดังกล่าวอย่างมิดชิดเรียบร้อยแล้ว
นายรพี กล่าวว่า จากการพูดคุยกับน้องสะใภ้แอม เชื่อว่าไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับคดีที่เกิดขึ้น เพราะให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเป็นอย่างดี และขณะนี้เจ้าตัวและน้องชายของแอม เดินทางไปให้ปากคำกับตำรวจภูธรภาค 7 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวพ่อและแม่ของแอม ฝากเพื่อนสนิทไปบอกให้ลูกสาวยอมรับสารภาพนั้น นายรพี ระบุ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะหากตนเป็นพ่อแม่ของแอม และพบว่ามีพยานหลักฐานในคดีต่าง ๆ แน่นหนาขนาดนี้ ก็คงจะบอกให้ลูกยอมรับสารภาพเช่นกัน
เพราะแม้แต่ทนายความที่เคยมั่นใจว่าจะต่อสู้คดีนี้ได้ ก็ยังคงต้องขอถอนตัวออกจากคดีไป ส่วนจะถอนตัวด้วยเหตุผลใดนั้น ตนไม่ทราบได้ แต่เชื่อว่า สาเหตุที่ทนายความของแอม ขอถอนตัว น่าจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน
ส่วนทรัพย์สินของน้องก้อย ตอนนี้สามารถติดตามกลับมาได้เพียงกระเป๋าแบรนด์เนม และโทรศัพท์ 1 เครื่อง แต่ยังขาดโทรศัพท์ ไอโฟน 14 กุญแจตู้เซฟ บัตรเอทีเอ็ม เอกสารส่วนตัว และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง เชื่อว่าอีกไม่นานจะต้องตามหาเจอ
หากใครรู้ตัวว่าเก็บทรัพย์สินดังกล่าวของน้องก้อยเอาไว้ ขอให้รีบออกมาแสดงตัว และนำทรัพย์สินดังกล่าวมาคืน แม้ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังค้นหาไม่เจอ แต่ตนเชื่อว่า สักวันจะต้องหาเจออย่างแน่นอน และผู้ที่เก็บทรัพย์สินดังกล่าวเอาไว้ ก็จะต้องมีความผิดตามไปด้วย
ฟังคลิปเสียง