จากกรณีชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ รีดไถเงินจากนางมณีรัตน์ (สงวนนามสกุล) น้องสาว นายทวีศักดิ์ (สงวนนามสกุล) ซึ่งถูกจับกุมได้ของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด และชุดจับกุมได้ติดต่อให้นางมณีรัตน์นำเงินจำนวน 5 แสนบาท มาให้ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีกับนายทวีศักดิ์ โดยนางมณีรัตน์ ได้เจรจาต่อรองเหลือ 4 แสนบาท ก่อนนัดส่งมอบเงินที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ในวันที่ 23 มีนาคม และ พ.ต.อ.เกษม มุฑาพร ผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้ซ้อนแผนจับกุมตำรวจชุดดังกล่าวได้ภายในห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ นั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
25 มีนาคม 2566 พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกำชับให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดและรายงานผลให้ทราบโดยเร็วที่สุดเนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เสียภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อีกทั้งยังเป็นการกระทำฝ่าฝืนขัดคำสั่งทั้งที่มีการกำชับเน้นย้ำเรื่องการปฎิบัติหน้าที่มาโดยตลอด รวมทั้งผู้บังคับบัญชาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์ต่างๆเพราะเป็นเรื่องการกวดขันวินัยและกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาดังนั้น ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ ส่วนจะมีผลอย่างไรขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
พล.ต.ท.ยรรยง ยังกำกับให้คณะกรรมการตรวจสอบทุกมิติ เริ่มตั้งแต่มีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีว่าเป็นกรณีอะไร รวมทั้งมีนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้จำนวนกี่นาย เบื้องต้น มีหลักฐานชัดเจนว่ามีตำรวจ 3 นาย มีการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนที่เหลือจะมีตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการขยายผล ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวจะไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน และจะทำให้เป็นกรณีตัวอย่างไม่มีปกป้องไม่สงสารเพราะเป็นการกระทำผิดร้ายแรงต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
ส่วนผู้ที่ถูกจับกุมคดียาเสพติด 2,000 เม็ดที่ชุดจับกุมปล่อยตัวไปหลังได้รับเงิน ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไปติดตามตัวมาดำเนินคดีและสอบปากคำอย่างรายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด