svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

แตกตื่นทั้งตำบล เหยื่อแก๊งคอลฯ แห่ปิดบัญชีม้า แสดงความบริสุทธิ์ใจ

22 มีนาคม 2566
235

หลัง พ.ร.ก.อาชญากรรมไซเบอร์ 2566 มีผลบังคับใช้ ชาว ต.ท่าลาด จ.นครพนม เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเอาบัตร ปชช. ไปสมัครพรรคการเมือง กว่า 100 ราย แห่ปิดบัญชีม้า เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พบส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ

22 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการออกกฎหมายใหม่ เกี่ยวกับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เน้นเอาผิดเกี่ยวกับ การกระทำผิดอาชญากรรมทางออนไลน์ รวมถึงการเปิดบัญชีม้า ประกอบธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย โดยมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

โดยเมื่อวานนี้ (21 มีนาคม) ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ของ จ.นครพนม ต่างแตกตื่นกลัวความผิด แห่ออกมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมติดต่อธนาคารที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นำเอกสารสำเนาบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี เพื่อตรวจสอบหลักฐานขอปิดบัญชี ป้องกันความผิดทางกฎหมาย ที่จะตามมาภายหลัง

แตกตื่นทั้งตำบล เหยื่อแก๊งคอลฯ แห่ปิดบัญชีม้า แสดงความบริสุทธิ์ใจ

ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนนี้ ประมาณเดือนสิงหาคม 2565 มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เข้าไปว่าจ้างคนในหมู่บ้าน ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม ให้เป็นนายหน้าเครือข่ายขบวนการ เพื่อนำเอกสารไปเปิดบัญชีม้า โดยนายหน้าตระเวนหลอกลวงชาวบ้าน ให้นำเอกสารหลักฐาน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน อ้างว่าจะนำไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง รวมถึงรับค่าตอบแทนสวัสดิการจากหน่วยงานรัฐ พร้อมเสนอให้ค่าตอบแทน หัวละ 300-400 บาท ทำให้ชาวบ้าน หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก 

จนกระทั่งมาทราบภายหลัง ว่ามีชาวบ้านบางรายได้รับการแจ้งจากธนาคาร ว่า บัญชีถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย หรือมีชื่อบัญชีฐานความผิดเปิดบัญชีม้า บวกกับมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ เอาผิดผู้เปิดบัญชีม้า ทำให้ชาวบ้าน ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร รวม 8 หมู่ ได้พากันไปตรวจสอบข้อมูลจากธนาคารต่าง ๆ พบว่า มีชื่อเปิดบัญชีจริง ทั้งที่พวกตนไม่เคยมีบัญชีธนาคารแห่งนี้มาก่อน

อีกทั้งมีเงินผ่านบัญชีตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้าน จึงเหมารถมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำมาขอปิดบัญชีดังกล่าว เช่นเดียวกันกับพื้นที่ อ.เรณูนคร อ.นาแก และ อ.ธาตุพนม มีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อ ออกมาแสดงตัวขอปิดบัญชีจากธนาคารแล้วไม่ต่ำกว่า 400-500 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ

แตกตื่นทั้งตำบล เหยื่อแก๊งคอลฯ แห่ปิดบัญชีม้า แสดงความบริสุทธิ์ใจ

นางเยาวรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ชาว ต.ท่าลาด หมู่ 1 เปิดเผยว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีนายหน้าเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ตระเวนรวบรวมเอกสารหลักฐาน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน อ้างว่าจะนำเป็นหลักฐานในการร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมือง รวมถึงรับเงินสวัสดิการต่าง ๆ จากหน่วยงานรัฐ พร้อมเสนอค่าตอบแทน รายละ 300-400 บาท ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ และหวังอยากได้เงินค่าจ้าง พอมารู้ทีหลัง บางรายพบว่า มีการเปิดบัญชีธนาคารและมีเงินหมุนเวียนหลายแสน บางรายถูกดำเนินคดีฐานความผิดเปิดบัญชีม้า

พอทราบข่าวมีการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง จึงออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ แจ้งความต่อตำรวจตามโรงพักในท้องที่ และตรวจสอบตามธนาคารต่างๆ เพื่อตรวจสอบปิดบัญชี หากมีการนำเอกสารไปเปิดบัญชีโดยไม่มีส่วนรู้เห็นป้องกันความผิดฐานเปิดบัญชีม้า

แตกตื่นทั้งตำบล เหยื่อแก๊งคอลฯ แห่ปิดบัญชีม้า แสดงความบริสุทธิ์ใจ  

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในช่วงนี้จากการตรวจสอบข้อมูลตามโรงพักท้องที่ต่างๆ ในพื้นที่ 12 อำเภอ พบว่าหลายโรงพัก มีชาวบ้านออกมาแจ้งความเป็นหลักฐาน กรณีถูกหลอกนำหลักฐานไปเปิดบัญชีธนาคาร ที่เสี่ยงต่อความผิดฐานเปิดบัญชีม้า หลังมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ เกี่ยวกับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566

อย่างไรก็ตามฝากพี่น้องประชาชนที่สงสัยตัวเองเข้าข่ายความผิด และมีนายหน้านำเอกสารไปดำเนินการทางนิติกรรมการเงิน หรือเปิดบัญชีให้ไปติดต่อกับทางธนาคารต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบเอกสาร หากพบว่า มีการเปิดบัญชีม้า หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้แจ้งความเป็นหลักฐาน พร้อมทำการปิดบัญชี ป้องกันความปิดทางกฎหมายที่จะตามมาภายหลัง

แตกตื่นทั้งตำบล เหยื่อแก๊งคอลฯ แห่ปิดบัญชีม้า แสดงความบริสุทธิ์ใจ

ส่วนการดำเนินการของตำรวจได้มอบหมายให้ส่วนเกี่ยวข้องสอบสวนเอาผิด หากบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือกระบวนการนายหน้ามีส่วนรู้เห็นหลอกลวงชาวบ้าน ส่วนนายหน้าที่เป็นคนในหมู่บ้าน หลังชาวบ้านแห่ไปแจ้งความเพื่อขอปิดบัญชี ไหวตัวหลบหนีออกจากหมู่บ้านไปแล้ว