22 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการออกกฎหมายใหม่ เกี่ยวกับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เน้นเอาผิดเกี่ยวกับ การกระทำผิดอาชญากรรมทางออนไลน์ รวมถึงการเปิดบัญชีม้า ประกอบธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย โดยมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
โดยเมื่อวานนี้ (21 มีนาคม) ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ของ จ.นครพนม ต่างแตกตื่นกลัวความผิด แห่ออกมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมติดต่อธนาคารที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นำเอกสารสำเนาบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี เพื่อตรวจสอบหลักฐานขอปิดบัญชี ป้องกันความผิดทางกฎหมาย ที่จะตามมาภายหลัง
ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนนี้ ประมาณเดือนสิงหาคม 2565 มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เข้าไปว่าจ้างคนในหมู่บ้าน ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม ให้เป็นนายหน้าเครือข่ายขบวนการ เพื่อนำเอกสารไปเปิดบัญชีม้า โดยนายหน้าตระเวนหลอกลวงชาวบ้าน ให้นำเอกสารหลักฐาน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน อ้างว่าจะนำไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง รวมถึงรับค่าตอบแทนสวัสดิการจากหน่วยงานรัฐ พร้อมเสนอให้ค่าตอบแทน หัวละ 300-400 บาท ทำให้ชาวบ้าน หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
จนกระทั่งมาทราบภายหลัง ว่ามีชาวบ้านบางรายได้รับการแจ้งจากธนาคาร ว่า บัญชีถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย หรือมีชื่อบัญชีฐานความผิดเปิดบัญชีม้า บวกกับมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ เอาผิดผู้เปิดบัญชีม้า ทำให้ชาวบ้าน ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร รวม 8 หมู่ ได้พากันไปตรวจสอบข้อมูลจากธนาคารต่าง ๆ พบว่า มีชื่อเปิดบัญชีจริง ทั้งที่พวกตนไม่เคยมีบัญชีธนาคารแห่งนี้มาก่อน
อีกทั้งมีเงินผ่านบัญชีตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้าน จึงเหมารถมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำมาขอปิดบัญชีดังกล่าว เช่นเดียวกันกับพื้นที่ อ.เรณูนคร อ.นาแก และ อ.ธาตุพนม มีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อ ออกมาแสดงตัวขอปิดบัญชีจากธนาคารแล้วไม่ต่ำกว่า 400-500 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
นางเยาวรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ชาว ต.ท่าลาด หมู่ 1 เปิดเผยว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีนายหน้าเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ตระเวนรวบรวมเอกสารหลักฐาน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน อ้างว่าจะนำเป็นหลักฐานในการร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมือง รวมถึงรับเงินสวัสดิการต่าง ๆ จากหน่วยงานรัฐ พร้อมเสนอค่าตอบแทน รายละ 300-400 บาท ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ และหวังอยากได้เงินค่าจ้าง พอมารู้ทีหลัง บางรายพบว่า มีการเปิดบัญชีธนาคารและมีเงินหมุนเวียนหลายแสน บางรายถูกดำเนินคดีฐานความผิดเปิดบัญชีม้า
พอทราบข่าวมีการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง จึงออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ แจ้งความต่อตำรวจตามโรงพักในท้องที่ และตรวจสอบตามธนาคารต่างๆ เพื่อตรวจสอบปิดบัญชี หากมีการนำเอกสารไปเปิดบัญชีโดยไม่มีส่วนรู้เห็นป้องกันความผิดฐานเปิดบัญชีม้า
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในช่วงนี้จากการตรวจสอบข้อมูลตามโรงพักท้องที่ต่างๆ ในพื้นที่ 12 อำเภอ พบว่าหลายโรงพัก มีชาวบ้านออกมาแจ้งความเป็นหลักฐาน กรณีถูกหลอกนำหลักฐานไปเปิดบัญชีธนาคาร ที่เสี่ยงต่อความผิดฐานเปิดบัญชีม้า หลังมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ เกี่ยวกับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566
อย่างไรก็ตามฝากพี่น้องประชาชนที่สงสัยตัวเองเข้าข่ายความผิด และมีนายหน้านำเอกสารไปดำเนินการทางนิติกรรมการเงิน หรือเปิดบัญชีให้ไปติดต่อกับทางธนาคารต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบเอกสาร หากพบว่า มีการเปิดบัญชีม้า หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้แจ้งความเป็นหลักฐาน พร้อมทำการปิดบัญชี ป้องกันความปิดทางกฎหมายที่จะตามมาภายหลัง
ส่วนการดำเนินการของตำรวจได้มอบหมายให้ส่วนเกี่ยวข้องสอบสวนเอาผิด หากบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือกระบวนการนายหน้ามีส่วนรู้เห็นหลอกลวงชาวบ้าน ส่วนนายหน้าที่เป็นคนในหมู่บ้าน หลังชาวบ้านแห่ไปแจ้งความเพื่อขอปิดบัญชี ไหวตัวหลบหนีออกจากหมู่บ้านไปแล้ว