ปู่ร้องสื่อ เพื่อนลูกสะใภ้ทำร้ายหลานวัย 3 ขวบดับ

จากกรณี แม่แท้ๆกับพ่อเลี้ยง เมายาเสพติด และลงมือทำร้าย เด็กชายธันวา อายุ 3 ขวบ ลูกตัวเอง จนเสียชีวิต โดยญาติได้เดินทางเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน พร้อมร้องเรียนให้ตรวจสอบ เนื่องจากเด็กต้องมาเสียชีวิตลงเพราะความรุนแรงในครอบครัว และพิษภัยของยาเสพติด โดยตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี  สามารถตามจับกุมเอาไว้ได้ ขณะกำลังหลบหนี เบื้องต้นพบว่า น้องถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต โดยญาติได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.นครนายก  ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สลด! แม่เมายา ร่วมกับเพื่อน ทำร้ายลูก 3 ขวบดับ

จากการสอบถาม น.ส.จินตนา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี น้าสาวของเด็กชายธันวา กล่าวว่า ทางโรงพยาบาล ได้โทรมาขอเบอร์แม่ของน้อง ตนจึงได้ถามไปว่า เกิดอะไรขึ้น โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่า น้องตกเตียงหัวฟาดพื้น ตอนนี้ปั้มหัวใจ 40 นาทีแล้ว น้องยังไม่ฟื้นขึ้นเลย จึงให้เบอร์แม่เขาไป ซึ่งเมื่อก่อน ตนเองก็อยู่กับหลาน แต่หลังจากที่ตนมีครอบครัว จึงได้แยกออกไป ตอนนี้ยายที่เลี้ยงน้องเขากลับบ้านที่ จ.อุดรธานี ทำให้น้องต้องอยู่กับแม่ของเขาที่บ้าน แต่ตนไม่ทราบว่า วันนั้นเขาไปทำอะไรกันที่โรงแรม และทางโรงพยาบาลได้โทรแจ้งว่าน้องมีอาการหนักมาก 

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถาม ทราบว่า ผู้ชายคนที่ทำอุ้มน้องธันวาออกมา พอส่งน้องเสร็จเขาก็ยังอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ตอนที่โทรไปหา เขาบอกว่า เขากำลังจะไปรับแม่เด็กมา คือไปรับพี่สาวตน ก่อนหน้านั้นตนก็โทรถามพี่สาวตลอด ว่าน้องกินข้าวหรือยัง มีนมกินไหม เพราะตนจะโอนเงินไปให้ เพื่อซื้อนม


หลังจากเกิดเรื่องตนได้แชตถามทางพี่สาวว่า มันเกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมถึงทิ้งลูก ทำไมถึงปล่อยลูกไว้กับคนอื่น ไปไหนทำไมไม่เอาลูกไปด้วย เขาบอกคุยกับหมอแล้ว หมอบอกว่าน้องธันวาไม่ไหว ตอนเกิดเหตุเขาบอกว่า เขาไม่ได้อยู่ เขาอยู่กับแฟน แล้วกับผู้ชายที่ทำแล้ว เขาออกไปข้างนอกกับแฟน และลูกสาวเขา ก็จะเหลือคนที่ก่อเหตุกับหลานของตน เขาบอกแบบนี้  

ขณะที่ นายเฉลิมพล (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี ปู่ของเด็กชายธันวา กล่าวว่า ทางน้าของเด็ก ได้โทรแจ้งทางตนว่า หลานตกเตียงอาการโคม่า ให้ตนมาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นการด่วน ตนกำลังเดินทางมายังไม่ทันถึง ก็ทราบข่าวว่า น้องเสียชีวิตแล้ว เมื่อมาถึงโรงพยาบาลจึงเข้าไปดู เห็นสภาพศพของเด็กแล้วรับไม่ได้ เพราะมีบาดแผลที่ตัว ที่หน้า ที่ท้ายทอย เหมือนกับถูกตี ถูกทำร้ายอย่างรุนแรง หน้าตาเขียว เลือดออกจมูกและปาก ตนได้เจอกับเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว ตอนนั้นเด็กมีอาการปกติร่าเริง ยังวิ่งเล่นอยู่ 

"ปกติน้องจะอยู่กับยายมากกว่าอยู่กับแม่  ยายกับน้าเป็นคนเลี้ยง น้าเขาไปทำงาน แม่เขาไปรับมาไปอยู่กับเขากัน 3 คน มีผู้หญิง 2 ผู้ชาย 1 ตั้งแต่เกิดเรื่องตนยังไม่ได้คุยกับแม่ของเด็กเลย จะถามแม่เด็กว่า ทำไมลูกถึงโดนทำร้ายขนาดนี้ ถึงได้อยู่เฉยๆ นิ่งไม่ทำอะไรเลย วันที่พาเด็กไปส่งที่โรงพยาบาล แม่เขาก็ไม่ได้ไป ตำรวจต้องไปนำตัวแม่ของเด็กมา ขอบคุณทางตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี ที่ทำงานได้ไวมาก พอตนแจ้งก็สามารถจับกุมทั้ง 3 คน เอาไว้ได้ทันที ซึ่งจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาบ่อยมาก อยากให้ทางตำรวจดำเนินการให้เด็ดขาด"  นายเฉลิมพล ระบุ 

 
สอบถามคนที่โรงแรมที่เกิดเหตุ ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 13 มี.ค.66 มีเข้ามาด้วยกัน 4 คน ประกอบด้วย ผู้ใหญ่ 2 คน และเด็ก 2 คน มีน้องผู้เสียชีวิต และเด็กผู้หญิงประมาณ 7-8 ขวบ เข้ามาตามปกติทั่วไป เขามาเช่าห้องพักอยู่ 2 คืน ระหว่างที่เช่าอยู่ ก็ไม่มีเสียงดังอะไร เป็นปกติทั้วไป วันที่เกิดเหตุก่อนเที่ยงมีผู้ชายอุ้มเด็กวิ่งมา ร้องข้อความช่วยเหลือให้ช่วยเรียกรถพยาบาล เพราะเด็กตกเตียง จึงได้โทรเรียก 1669 

โดยช่วงนั้น เด็กคือมีอาการไม่ไหว ตนจึงได้เอายาดมมาให้เด็กดม สภาพเด็กตอนที่เห็นคือ ไม่ได้สติ ไม่รู้สึกตัวแล้ว บริเวณหน้าผากมีรอยเขียว แต่เลือดไม่มีออกมา แล้วผู้ชายมีท่าทีลุกลน แล้วก็เรียกเด็กตลอดเวลา แล้วเขาก็วิ่งออกไปจากบังกะโล ตนจึงได้วิ่งตามไปบอกให้กลับเข้ามาข้างใน จากนั้นเด็กก็จะมีเลือดไหลออกมาจากปาก เลือดที่ออกมาคือเลือดที่เป็นฟองไหลออกมา 

หลังจากนั้นเวลาประมาณ 14.00 น. เขาได้ขับรถเข้ามาจอดอยู่หน้าห้องตน จึงเข้าไปคุย ทางผู้หญิงบอกว่า เด็กคนนี้ดื้อ หลานหนูดื้อ แม่เขาฝากพวกหนูไว้ แม่เขาไปหาแฟนที่องครักษ์ ความจริงเขาจะออกจากที่นี่ตี 4 เพื่อที่จะไปรับแม่เขา เขาพูดมาแบบนี้ แล้วเขาไปเก็บเสื้อผ้าข้างในห้อง ส่วนผู้ชายก็ได้เข้าไปอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินเสียงเหมือนอาบน้ำ หลังจากนั้นเขาก็ได้ออกจากบังกะโลไป จากที่มองเข้าไปบริเวณอ่างล้างหน้า เห็นหลอดกาแฟมียางมัดไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำทั้ง 3 คน มาสอบถาม เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่ามีความผิด ก็จะดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป