นร.- ปชช. เฮ ลุ้นเปิดรั้ว รร.บ้านเกาะหลีเป๊ะ หลังธนารักษ์ฟันธงเอกชนทับที่

31 มกราคม 2566 ความคืบหน้า ปฏิบัติการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริง กรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดิน ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่เกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• กรมอุทยานฯ ลงพื้นที่สางปม "หลีเป๊ะ" พบนายทุนรุกที่ดำเนินคดีทุกราย
• “บิ๊กโจ๊ก” เรียกถกแนวทางแก้ปัญหา "เกาะหลีเป๊ะ" เน้นใช้กฎหมายควบคู่การเจรจา
• บิ๊กโจ๊ก! เดินหน้าแก้ปัญหาปมที่ดินหลีเป๊ะ เจอจะๆ บุกรุกที่รัฐ
• ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ หวัง "บิ๊กโจ๊ก" สางปัญหาพิพาทที่ดินวันนี้

โดยตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลคืบหน้าจากการบูรณาการทำงาน ร่วมกันหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะล่าสุด จากข้อพิพาทที่ดินสาธารณะ ที่นักเรียนใช้เดินทางเข้า-ออกโรงเรียน และชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ มาวันนี้ได้มีการตรวจสอบชี้วัดแนวเขตกันใหม่ โดยกรมธนารักษ์ เพื่อให้แน่ชัดว่า ใครทับที่ใครกันแน่นั้น หลังเคยมีการตรวจสอบมาแล้วเมื่อปี 2533

 

ล่าสุด นายสมมาตร มณีหยัน รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า หลังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานธนารักษ์ในพื้นที่ มาทำการรังวัดที่ดิน ของโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ และสถานีอนามัย เพราะพบมีการรุกล้ำจากเจ้าของที่ดินข้างเคียง ซึ่งเป็นในส่วนของรีสอร์ทจำนวน 5 จุด 
 

โดยจุดที่ 1 ทางด้านซ้ายมือของโรงเรียน จึงให้ ผอ.โรงเรียน ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ดินราชพัสดุ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากพบมีการรุกล้ำจะต้องไปดำเนินคดี ให้มีการผลักดันผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ ซึ่งในส่วนของโรงเรียนพบว่า มีจำนวน 4 จุด วันนี้ได้แจ้งในที่ประชุมทราบไปแล้ว ส่วนของสถานีอนามัยพบ 1 จุด ให้ตัวแทนสาธารณสุขจังหวัด ไปแจ้งความที่ สภ.เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งก็เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้มอบนโยบายไว้
 
 

ส่วนกรมธนารักษ์ ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ตามกำหนดขอบเขตที่ดิน โดยการนำชี้ของหัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการรักษาการ โรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ แล้วหัวหน้าสถานีอนามัยบ้านเกาะหลีเป๊ะ โดยให้ดำเนินการแจ้งความ หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนของศาลยุติธรรม

 

รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่จะปักหลักเขตได้ คือบริเวณด้านหน้าของโรงเรียน รอยต่อระหว่างกรมเจ้าท่ากับธนารักษ์ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อผู้บุกรุก เพื่อแสดงแนวเขตไว้ให้ทางโรงเรียนไว้ชี้แนวเขต ส่วนพื้นที่ที่มีการบุกรุก ได้มีการรักษาสิทธิ์ โดยจะมีหลักเขตเป็นหลักไม้ โดยยังไม่สามารถไปปักหลักได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ทับซ้อนขัดแย้งอยู่ จะต้องเคารพสิทธิ์ในส่วนนั้น จนกว่าศาลพิพากษาเป็นประการใด
 

ในส่วนของรั้วโรงเรียน ได้มีการประสานกับธนรักษ์ในพื้นที่ กับผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อที่จะมีหนังสือแจ้งให้กับทางเอกชน ที่ได้สร้างรั้วเข้ามาในเขตพื้นที่ของโรงเรียน เปิดรั้วในส่วนนี้จำนวน 2 จุดที่ได้พูดถึง ส่วนในประเด็นทางเข้าออก ที่อยู่นอกเขตราชพัสดุ ทางผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทางอำเภอ จะต้องเจรจากับเจ้าของที่ดินเอกชน เพื่อขอเปิดพื้นที่ ถึงความจำเป็น ซึ่งก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งในส่วนนั้นถือว่า อยู่นอกเหนืออำนาจของกรมธนารักษ