ปิดตำนาน คดีหุบเขาไฮโซเชียงใหม่ รื้อถอนคืนพื้นที่ป่าสงวน

24 มกราคม 2566 ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) นำเจ้าหน้าป่าไม้ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เขต5 , กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองอำเภอหางดง เข้าตรวจสอบพื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้างและป่าแม่ขนิน ม.11 ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่

หลังจากวันที่ 23 ก.ย. 60 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า นางนพมาศ แจ้งกระจ่าง มีการปลูกสร้างบ้านพักหรู  โดยมีชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่จำนวน 3 แปลง และได้ดำเนินคดีอาญา ต่อนางนพมาศไปแล้ว 3 คดี (คดีที่ 386/2561 ลว.22 มิ.ย. 61 คดีที่ 780/62 aว. 11 ต.ค. 62 และคดีที่ 781/62 ลว.11 ต.ค.62) แต่ต่อมามีการล้อมรั้วพื้นที่ เนื้อที่รวม 25-2- 28 ไร่ ในพื้นที่ข้างเคียง 


 

ซึ่งคดีนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ให้ความเห็นว่า ผิดเงื่อนไขตามมติ 30 มิ.ย. 41 ให้กรมป่าไม้ ดำเนินการตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการครอบครอง ที่ต้องมีร่องรอยการทำประโยชน์ และทำกินต่อเนื่อง โดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศปี 45 ในการตรวจสอบ ในระหว่างอยู่อาศัยทำกิน ห้ามซื้อ-ขาย เปลี่ยนมือ เว้นแต่ตกเป็นของทายาทเท่านั้น ห้ามมีการบุกรุก ขยายพื้นที่เพิ่มเติม ห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำประโยชน์ และต้องอยู่อาศัย หรือทำกินในลักษณะการทำเกษตรกรรมเท่านั้น

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) ได้ขยายผลการตรวจสอบ โดยการรวบรวมพยานหลักฐานและลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 โดยนางนพมาศ แจ้งต่อคณะเจ้าหน้าที่ว่า ตนได้ครอบครอง และทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่ปี 54 และเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 66 ได้มาให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนได้ครอบครองต่อจาก นายสว่าง ไกรศรีพันธ์ โดยการสละสิทธิ์การครอบครอง และมีค่าตอบแทน เข้าไปครอบครองในพื้นที่ หรือมีการซื้อขายเปลี่ยนมือ จึงได้ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

ซึ่งวันนี้ (24 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ทั้งหมด จึงได้เข้ามาตรวจสอบ ขอบเขตของพื้นที่ดังกล่าว แต่นางนพมาศไม่อยู่บ้าน จึงขอให้ผู้ใหญ่บ้าน นำตรวจสอบขอบเขตของพื้นที่โดยรอบ จากนั้นจะทำการแจ้งความดำเนินคดี เพื่อดำเนินการต่อไป

โดยในจำนวน 5 แปลง ที่เข้ามาตรวจสอบในวันนี้ มีพื้นที่ 4 แปลง ที่เดิมเป็นพื้นที่ ที่กรมป่าไม้อนุญาตให้สิทธิทำกิน หรือ สทก. เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 31 ปัจจุบัน สทก. สิ้นสุดการอนุญาตไปแล้ว หากผู้ได้รับอนุญาต หรือทายาทโดยธรรม ที่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นอยู่แล้ว ไม่ประสงค์จะทำประโยชน์และอยู่อาศัยต่อไป พื้นที่นั้นจึงถือว่า เป็นป่าสงวนแห่งชาติตามเดิม การครอบครองพื้นที่จึงถือว่าสิ้นสุดลง เมื่อมีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปแล้ว เพราะเจ้าของพื้นที่เดิมทั้งหมด ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเป็นทายาท หรือทางสายเลือด

จึงถือว่า การครอบครองที่ดินของ นางนพมาศ แจ้งกระจ่าง เป็นการ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ไม่เป็นไปตาม มติ ค.ร.ม. 30 มิ.ย. 2541 และไม่เป็นไปตาม มติค.ร.ม. 21 พ.ย. 2561 มีความผิดตามมาตรา 54 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และมาตรา 14 แห่งพ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507

สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ จะมีการแจ้งความดำเนินคดี และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ และจะมีการรื้อถอน ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น กับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และดำเนินการต่อไป