จากกรณี นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคโอกาสไทย อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ได้รับการร้องเรียนการเรียกเก็บส่วย จากผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร ผู้ประกอบการที่จะมีการก่อสร้าง ผู้ประกอบการท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่ง แม่ค้าหาบเร่แผงลอย บนเกาะเสม็ด และยังมีการเก็บเงินค่าเข้าอุทยานฯ เพิ่มจากนักท่องเที่ยว ที่ต้องการไปดำน้ำเกาะที่อยู่รอบเกาะเสม็ด อีกคนละ 100 บาท ทั้งที่อยู่ในอุทยานฯ เดียวกัน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
17 มกราคม 2566 นางสริญทิพญ ทัพมงคลทรัพย์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด เปิดเผยว่า เรื่องความเดือดร้อนของชาวเกาะเสม็ด ตนไม่เคยนิ่งนอนใจ ซึ่งการขึ้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่ารถโดยสาร ค่าเรือโดยสาร รายปีที่ไม่เคยจ่าย กลับต้องมาจ่าย หากเฉลี่ยต่อวันรวมกับที่ต้องจ่ายรายเดือน นับว่าเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่แพงมากสำหรับคนทำมาหากิน
และที่ผ่านมาก็เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด และน้ำมันรั่ว ยังต้องมารับภาระจ่ายรายปี เป็นภาระที่ซ้ำเติมความลำบาก จึงได้เรียกร้องให้มีการผ่อนผัน แต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งทางสมาคมฯ เตรียมยื่นศาลปกครองให้ชะลอคำสั่งเพื่อบรรเทาผลกระทบ
นางสริญทิพญ กล่าวอีกว่า ข่าวส่วยที่เกิดขึ้น ยังไม่มีผลกระทบ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเฉพาะด้านการบริหารจัดการ นักท่องเที่ยวยังมาพักผ่อนได้ตามปกติ ไม่มีการขึ้นค่าบริการใด ๆ ส่วนค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ที่ต้องจ่ายเพิ่ม 100 บาท ยังต้องเร่งประชาสัมพันธ์ เนื่องจากเป็นการจ่ายกรณีที่นักท่องเที่ยวประสงค์ไปเที่ยวต่อในพื้นที่อื่น เช่น เกาะทะลุ เกาะกุฏี
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเก็บเงินจากนักทอ่งเที่ยวเพิ่ม คนละ 100 บาท ส่งให้อุทยานฯ ตามระเบียบ ย้ำว่าเป็นการเก็บเพิ่มเฉพาะ นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น ส่วนชาวไทยจ่ายค่าเข้าอุทยานฯ คนละ 40 บาท เที่ยวได้ทุกเกาะเหมือนเดิม เรื่องนี้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน เพราะหลายคนไม่เข้าใจคิดว่าเก็บกันเอง ทั้ง ๆ ที่เราจำเป็นต้องทำตามระเบียบ
ส่วนเรื่องการเรียกเก็บเงินจากการก่อสร้างต่อเติมบนเกาะเสม็ด นางสริญทิพญ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องที่ดินบนเกาะ เป็นมหากาพย์ที่ยืดเยื้อมานาน บางพื้นที่บนเกาะเสม็ด มีบางส่วนเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกรมธนารักษ์ เป็นพื้นที่อุทยานฯ ทับซ้อนกันทั้งสองหน่วยงาน ผู้ประกอบการไม่สามารถขยายการครอบครองกรรมสิทธิ์ไปนอกเขตได้อยู่แล้ว จึงไม่มีใครบุกรุกเพิ่ม
ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าเช่ากับกรมธารักษ์ ตามระเบียบ แต่หากจะสร้างเพิ่มเติมต้องขออนุญาตกับอุทยานฯ เท่านั้น และเมื่อมีข่าวดังออกมาเป็นกระแส ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเรื้อรังให้กระจ่าง