12 มกราคม 2566 ที่สภ.เมืองนนทบุรี นายสาธิต (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี นักธุรกิจหนุ่ม เดินทางพบ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม หลังเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2566 เวลา 18.00 น. ได้ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสแห่งหนึ่ง ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านงามวงศ์วาน อ.เมืองนนทบุรี ทำให้ทรัพย์สินเครื่องประดับส่วนตัว ที่ถอดเก็บไว้ภายในตู้ล็อกเกอร์ของฟิตเนส ถูกคนร้ายขโมยไปจนหายเกลี้ยง มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยทรัพย์สินเครื่องประดับที่ถูกคนร้ายขโมยไปจากตู้ล็อกเกอร์ ประกอบไปด้วย
นายสาธิต เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันเกิดเหตุ ตนได้ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสแห่งนี้ตามปกติ โดยได้ถอดเครื่องประดับประจำตัวใส่เก็บไว้ในตู้ล็อกเกอร์ จากนั้น จึงไปออกกำลังกายได้ประมาณ 2 ชม. เมื่อกลับมาเปิดตู้ล็อกเกอร์ที่เก็บทรัพย์สินไว้พบว่า ทรัพย์สินของตนได้ถูกขโมยหายไปทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เสื้อ กางเกงและกระเป๋าสะพาย หลังเกิดเหตุ ตนได้รีบแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ฟิตเนสแห่งนี้ทราบเรื่อง เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและเร่งติดตามหาตัวคนร้ายที่ขโมยทรัพย์สินของตนไปเพราะมูลค่ามันสูง
แต่กลับถูกทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ ตอบกลับมาว่า ให้ตนเดินทางไปแจ้งความก่อน แล้วนำใบแจ้งความกลับมา เพื่อจะเปิดกล้องช่วยตรวจสอบหาคนร้ายให้ ทำให้ตนต้องเสียเวลาเดินทางมาเข้าแจ้งความ ก่อนจะย้อนกลับมาที่ศูนย์ฟิตเนสอีกครั้ง แต่ปรากฎว่า ทางศูนย์ได้ปิดให้บริการไปแล้ว ทั้งๆ ที่ตนได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า มูลค่าทรัพย์มันสูงอยู่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ให้ได้แค่เบอร์โทรติดต่อกลับ พร้อมกับคำพูดรับปากว่าจะช่วยเหลือ แต่ตนยังไม่รู้เลยว่าจะช่วยเหลือตนยังไง เพราะทราบว่า เกิดเหตุช่วงประมาณ 2 ทุ่มกว่า ถ้าหลังเกิดเหตุแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวก เปิดกล้องไล่ติดตามผู้ต้องสงสัย หรือคนร้ายในตอนนั้นเลย ก็น่าจะเจอเบาะแสในตอนนั้น แต่กลับปล่อยให้ข้ามคืนไป เพราะหมดเวลาทำการ ตนยังไม่รู้เลยว่า ทางศูนย์จะสามารถรับผิดความเสียหายให้ตนได้อย่างไร
นายสาธิต เปิดเผยอีกว่า ตนเองเป็นสมาชิกของฟิตเนสแห่งนี้ เพราะหลังเลิกงานจะไปออกกำลังกายเกือบทุกวัน ใกล้สาขาไหนก็เข้าไปออกกำลังกายที่นั่น แต่สาขานี้จะเข้าบ่อยสุด และคิดว่าฟิตเนสระดับนี้น่าจะมีความปลอดภัยให้ลูกค้า ส่วนทรัพย์สินที่หายไปนั้น ตนยืนยันได้ว่าเป็นเครื่องประดับที่ตนใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เพราะตนเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทรัพย์สินเหล่านั้น ตนยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ตีราคาเกินจริง หรือโอเวอร์เป็นราคาที่ตนซื้อมาจริง และเผลอๆตนจะตีราคาต่ำกว่าที่ได้แจ้งความไปด้วยซ้ำ โดยตนมีภาพทรัพย์สินเครื่องประดับที่ตนใส่ในชีวิตประจำวันมายืนยัน ไม่ได้ตั้งราคามาเกินจริง
"หลังเกิดเหตุ ตนได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ฟิตเนสทราบ แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรให้ ตนจึงต้องรีบไปแจ้งตำรวจ เพื่อให้มาตรวจสอบ ซึ่งเมื่อตำรวจมาถึง ทางฟิตเนสยังขอดูหมายจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย ถึงจะให้ความร่วมมือ เข้าไปตรวจสอบข้างใน จากนั้น ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ พฐ. ถึงสามารถเข้าไปเก็บหลักฐานได้ จากการตรวจสอบทั่วฟิตเนส พบว่ามีกล้องวงจรปิดเกือบทุกจุด ยกเว้นในห้องล็อกเกอร์ เพราะเป็นส่วนตัว ซึ่งตรงทางเข้าห้องล็อกเกอร์ จะมีกล้องสามารถตรวตสอบได้ว่า ใครเข้า-ออกในช่วงเวลาไหนบ้าง ซึ่งตอนนี้ทางด้านคดี ตนก็กำลังติดตามความคืบหน้าอยู่" นายสาธิต กล่าวทิ้งท้าย
เบื้องต้น ทางตำรวจชุดสืบสวน กำลังดำเนินการตรวจสอบสถานที่ กล้องวงจรปิด และรวบรวมหลักฐานต่างๆอยู่ เพื่อติดตามตัวคนร้าย มาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป