จากกรณี สภ.นาเฉลียง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งเหตุสลดแม่ วัย 63 ปี ทราบชื่อต่อมาคือ นางประจวบ หวานฉ่ำ เข้าห้ามลูกชาย 2 คนที่ทะเลาะกัน โดย ผู้ก่อเหตุได้นำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จะมายิงใส่พี่ชาย แต่ แม่ ต้องมารับเคราะห์แทนลูกชายถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือนายพรมพิทักษ์ แก้วเงา อายุ 37 ปี หลังก่อเหตุ ได้หลบหนีเดินเท้าเข้าป่าท่ามกลางความมืด พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.พีระเพชร อุบลจิตต์ ผกก.สภ.นาเฉลียง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ออกติดตามตัว จนกระทั่งทราบพิกัดของผู้ก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังเข้าปิดล้อมตัวผู้ก่อเหตุ และไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวหรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าบันทึกภาพเนื่องจากเกรงว่า จะเกิดอันตราย เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน
สำหรับสาเหตุการก่อเหตุ ญาติ ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้พี่ชายของผู้ก่อเหตุ ได้ยืมรถกระบะของผู้ก่อเหตุไปพลิกคว่ำพังเสียหาย ทำให้ ผู้ก่อเหตุ โมโหและเครียด เพราะรถพัง และไม่มีเงินซ่อมรถ เนื่องจาก ยังตกงาน ประกอบกับคืนวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุ มีอาการเมาสุรา และมีปากเสียงกับพี่ชาย ทำให้ผู้ก่อเหตุคว้าปืนมาเพื่อที่จะยิงพี่ชาย แต่ แม่ เข้ามาห้ามแม่เลยรับลูกปืนแทนลูกชายเสียชีวิต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายชิตพล ธรรมยศ กำนัน ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุหวังจะยิงพี่ชายตัวเอง แต่กระสุนนัดแรกด้าน พี่ชายเลยวิ่งหนีไป ระหว่างที่วิ่งหนีได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นนัดที่ 2 ส่วนผู้ก่อเหตุวิ่งหนีไปพร้อมอาวุธปืน พี่ชายก็เลยวิ่งกลับมาที่เกิดเหตุ ก็พบว่าแม่ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านใกล้เคียงเฝ้าระวังตัว เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนและอีกทั้งคนร้ายยังมีกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ โดยบริเวณบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาเฉลียง ได้นำเชือกมากั้นไว้เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปภายในบริเวณบ้าน ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงปิดล้อม เดินเท้าออกติดตามผู้ก่อเหตุไปบนภูเขาที่คนร้ายซ่อนตัวอยู่
ขณะที่ นายตรี (นามสมมุติ)เพื่อนบ้าน ยังคงรู้สึกหวาดกลัวและระแวง อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจ จับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้เร็วๆ เนื่องจาก ผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืนพร้อมกระสุน และเล่าว่า ขณะเกิดเหตุอยู่ในบ้านได้ยินเสียงคนในบ้านที่เกิดเหตุทะเลาะกันเสียงดัง แต่ก็เป็นปกติของบ้านหลังนี้ ที่กินเหล้าเมาแล้วมักจะทะเลาะกันเป็นประจำ
ต่อมา ตน ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ซึ่งนัดแรก กับนัดที่ 2 ห่างกัน ประมาณ 20-25 นาที แล้วเสียงผู้ตายก็เงียบไป แต่ ตน ไม่กล้าออกไปดูเพราะกลัว จนกระทั่งได้ยินเสียงรถกู้ภัยฯ มาจอดที่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ หลานเลยตะโกนบอกตนให้ออกไปดูผู้ตายว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่า ผู้ตายเสียชีวิตแล้ว
ส่วนผู้ก่อเหตุ ก่อนหน้านั้น ตน เห็นเดินผ่านหน้าบ้านของตนไป คาดว่า เดินหนีหลบขึ้นไปบนเขา ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่า ผู้ก่อเหตุได้ยิงผู้ตายเสียชีวิต อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้เร็วๆ ประหารชีวิตได้ยิ่งดี เพราะถึงขั้นฆ่าบุพการีได้ ถือว่า เป็นบุคคลที่อันตรายมาก