svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

สภาเอสเอ็มอีฯ เปิดบ้านสุรินทร์ เฟส 2 ลุยเจาะตลาดกัมพูชา

19 กันยายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สภาเอสเอ็มอีไทยมั่นใจงานเปิดบ้านสุรินทร์เฟส2 พร้อมเต็มที่ หวังยกด่านช่องจอมต้นแบบการค้าชายแดนครบวงจร ก่อนขยายผลสู่ 35 ด่านถาวรทั่วไทย ขณะผู้ประกอบการพาเหรดร่วมงานคับคั่ง มุ่งเป้าเจาะตลาดกัมพูชา

นายศุภชัย แก้วศิริ ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยหรือสภาเอสเอ็มอีไทยเปิดเผยความคืบหน้าการเตรียมพร้อมร่วมงานการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาหรือเปิดบ้านสุรินทร์ เฟส2 จัดโดยคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดทุน สภาผู้แทนราษฎร์ ร่วมกับสภาวิหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย และจ.สุรินทร์ ตลอดจนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในระหว่างวันที่ 23-25 กันยายน 2565 ณ ด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ว่า  ในการการประชุมหารือโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เชิญหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องมารายงานความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมครั้งสุดท้ายก่อนถึงวันงาน เนื่องจากงานสุรินทร์ โมเดลเฟส 2 หรือเปิดบ้านสุรินทร์ เฟส 2 นั้น เป็นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดนสองฝั่งระหว่างไทย-กัมพูชาดังนั้นจะต้องมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน รวมถึงการท่องเที่ยวและส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย  

สภาเอสเอ็มอีฯ เปิดบ้านสุรินทร์ เฟส 2 ลุยเจาะตลาดกัมพูชา

“ในส่วนของสภาเอสเอ็มอีไทยได้ชี้แจงในที่ประชุมไปว่า เราได้เชิญธนาคารภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาร่วมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการค้าชายแดนทำให้มีเงินหมุนเวียนได้ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นตามด่านถาวรต่างๆในประเทศไทยทั้ง 36 ด่าน ช่องจอมเป็น 1 ใน 36 ด่านถาวรที่มีมูลค่าการทางการค้านับแสนล้านบาทต่อปี  จึงเป็นโอกาสดีของเอสเอ็มอีไทยในการทำมาค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ซึ่งมีกฎระเบียบต่าง ๆ ไม่มากมายเหมือนประเทศนอกภูมิภาคอาเซียน”ดร.ศุภชัยกล่าว

 

นอกจากนี้ ยังมีการแมชชิ่งเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการทางฝั่งกัมพูชาอีกด้วย งหากการเจรจาบรรลุผลก็จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู(MOU)ให้มีการซื้อสินค้าระหว่างกัน โดยจะดำเนินการใน 2 วิธี วิธีแรกจะลงนามเอ็มโอยูร่วมกันภายในงาน และวิธีที่สองจะลงนามผ่านระบบออนไลน์

กรณีคู่ค้าไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมภายในงานได้  อย่างไรก็ตามการเจรจาทางธุรกิจการค้าของผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ได้จบแค่ภายในงาน แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการต่อยอดการเจรจาเพื่อจะได้มีจะมีการค้าต่อเนื่องต่อไปเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอการการค้ารายเล็กรายย่อยที่จะดำรงอยู่ได้และมีความสุขตามอัตภาพ  นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 23-25 กันยายน 2565 ที่จะถึงนี้

 

นายพัสกร วัฒนโพธิ์ทอง ซีพีโอ.บริษัท รอยัล เดีย เคเดอะคราวน์ จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการเจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรไฟฟ้าหรืออีวี ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมในงานนี้กล่าวขอบคุณดร.ศุภชัย แก้วศิริและสภาเอสเอ็มอีไทยที่เปิดโอกาสให้เข้าร่วมในงานนี้ เนื่องจากบริษัทมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการพัฒนาภาคการเกษตรไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียนฐานะครัวโลก ผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลก ทางบริษัทจึงได้นำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใช้วัตถุดิบจากสมุนไพร 100% ไปจัดแสดงและจำหน่ายเพื่อรุกตลาดในกัมพูชา นอกจากนี้ยังมียังมีโมเดลเครื่องจักกรการเกษตรไฟฟ้าต้นแบบนำไปจัดแสดงด้วย พร้อมกันนี้ยังนำมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ใช้เวลาชาร์ตไฟประมาณ 3-4 ชั่วโมง วิ่งได้ประมาณ 50-60 กิโลเมตรไปจัดแสดงในงานและให้ผู้สนใจทดลองขับด้วย

 

“สินค้าที่บริษัทนำไปจัดแสดงในงานก็จะมีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า และโมเดลต้นแบบเครื่องจักรกลการเกษตรไฟฟ้า สินค้าเหล่านี้เราวางเป้าที่จะเจาะตลาดกัมพูชา  เพราะว่าทางกัมพูชายังมีพื้นที่การเกษตรอีกเยอะ เขามีความสนใจให้เราไปสนับสนุนเทคโนโลยีนวัตกรรมให้กับเขา เพราะเรามีระบบเอไอทางด้านการเกษตรที่จะช่วยพัฒนาเรื่องการเกษตรได้  เราไม่มองแค่กัมพูชาแต่ทั้ง CLMV เพราะถ้าอาเซียนเข้มแข็งประเทศไทยก็จะเข้มแข็งไปด้วย”ซีพีโอ.รอยัล เดีย เคเดอะคราวน์เผย

สภาเอสเอ็มอีฯ เปิดบ้านสุรินทร์ เฟส 2 ลุยเจาะตลาดกัมพูชา

สภาเอสเอ็มอีฯ เปิดบ้านสุรินทร์ เฟส 2 ลุยเจาะตลาดกัมพูชา

ด้าน นายจอมทัช กาญจนกิตติ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรสมัยใหม่ปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์และภาคีเครือข่ายมูลนิธิเอิร์ธเซฟ(Earth Safe) กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตพืชผักอินทรีย์วิถีไทย ที่มีนางสัณหจุฑา จิราธิวัฒน์ เป็นประธานกล่าวในส่วนของเอิร์ธเซฟสุรินทร์เครือข่ายจังหวัดใกล้เคียงว่างานนี้เราตื่นเต้นมาก ในฐานะเจ้าของพื้นที่ถือว่าได้เปรียบ ซึ่งต้องยอมรับว่าจังหวัดสุรินทร์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชามีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ทำให้ตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

“ยอมรับว่าสินค้าของเราเป็นที่ชื่นชอบของทางฝั่งกัมพูชาเองด้วยเหนือมกันเพียงแต่ยังไม่มีโอกาสเข้าไปทำตลาดที่นั่นอย่างจริงจัง โดยเฉพาะสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่กลุ่มเราทำอยู่ทุกวันนี้ก็จะมีพืชผักผลไม้อินทรีย์ ซึ่งก็จะนำผลผลิตมาโชว์ในงานนี้ด้วย”ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรสมัยใหม่ปราสาทกล่าว

สภาเอสเอ็มอีฯ เปิดบ้านสุรินทร์ เฟส 2 ลุยเจาะตลาดกัมพูชา

นายจอมทัช ย้ำด้วยว่า ที่ผ่านมา ผลผลิตที่ได้จะจำหน่ายในประเทศผ่านร้านฟาร์มเซาะและห้างฯท็อป ซูเปอร์มาร์เก็ต ในจ.สุรินทร์เป็นหลัก รวมถึงตลาดไท กรุงเทพฯ เนื่องจากสินค้าพืชผักของกลุ่มเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค มีผลดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับพืชผักเคมีที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป 

 

 “สินค้าของเราขายในห้างแต่ราคาแบกะดิน เราทำสินค้าอินทรีย์ให้ราคาใกล้เคียงราคากับสินค้าเคมีในท้องตลาดได้จริง ต้องบอกว่าเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของพวกเรา เรามีวันนี้ได้ต้องขอขอบคุณ คุณไก่ สัณหจุฑา จิราธิวัฒน์ ผู้บริหารห้างฯเซ็นทรัลและประธานมูลนิธิเอิร์ธเซฟที่ทุ่มเทกิจกรรมนี้มานานกว่า 20 ปีมุ่งหวังให้เกษตรกรหันมาสนใจทำเกษตรอินทรีย์ที่มีมาตรฐาน ผมทำทุกวันนี้สินค้าอินทรีย์มีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย”นายจอมทัชกล่าวและว่าหากมีโอกาสทำตลาดทางฝั่งกัมพูชาได้ก็จะเป็นเรื่องดี เพราะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและความสดของสินค้า เนื่องจากระยะทางจากสุรินทร์ถึงกรุงเทพไกลกว่าไปยังจ.เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชามาก 

สภาเอสเอ็มอีฯ เปิดบ้านสุรินทร์ เฟส 2 ลุยเจาะตลาดกัมพูชา

“คนสุรินทร์เรามองลูกค้าฝั่งกัมพูชามากกว่าโดยเฉพาะเสียบเรียบซึ่งอยู่ห่างจากสุรินทร์ทางด่านช่องจอมเพียง 150 กิโลใกล้กว่ากรุงเทพมาก ไกด้เปรียบทั้งเรื่งอความสดของสินค้าและต้นทุนการขนส่ง เสียมเรียบเป็นเมืองท่องเที่ยวมีร้านอาหารภัตตาคารพร้อมรองรับอยู่แล้ว  ที่ผ่านมาเราเคยไปสำรวจตลาดในเสียบเรียบเพียงแต่ยังไม่มีโอกาสนำสินค้าไปขายเนื่องจากติดปัญหาหลายอย่างจึงไม่สะดวก งานนี้ถือเป็นโอกาสดีของกลุ่มในการทำเอ็มโอยูระหว่างผู้ผลิตในเครือข่ายเรากับผู้ประกอบการฝั่งกัมพูชา”ประธานกลุ่มวิสาหกิชชุมชนเกษตรสมัยใหม่ปราสาทย้ำทิ้งท้าย

logoline