พ่อ-แม่ “น้องจีฮุน” ไม่ติดใจการตาย หลังผลชันสูตรชัด เตรียมฌาปนกิจ 15 ก.ย.

ความคืบหน้ากรณี น้องจีฮุน เด็กหญิงวัย 7 ขวบ ถูกลืมไว้ในรถตู้โรงเรียนจนเสียชีวิต ที่วันนี้ (2 ก.ย.) ซึ่งในเวลาต่อมาพ่อแม่ “น้องจีฮุน” ได้ยื่นต่อโรงพยาบาลตำรวจ ดำเนินการรับศพน้องจีฮุน ไปฝากไปที่นิติเวชธรรมศาสตร์รังสิต เป็นระยะเวลา 15 วัน และเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด หลังติดใจการตายของลูกสาว ตามที่ได้เสนอข่าวมาแล้วนั้น (อ่านข่าว)

ล่าสุดวันนี้ (8 ก.ย.65) นางสาวเมทิกา โกศลปลั่งศรี แม่ของน้องจีฮุน และนายไทยอนันต์ ทองอยู่ พ่อของน้องจีฮุน เด็กหญิง วัย 7 ขวบ ที่เสียชีวิต หลังครูลืมอยู่บนรถตู้รับส่งของโรงเรียนใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี เดินทางมารับร่างของน้องจีฮุน ที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา

โดยนายไทยอนันต์ พ่อของน้องจีฮุน บอกว่า วันนี้ที่ตัดสินใจมารับศพกลับไปทำพิธีเลย เพราะได้ผลจากกระทรวงยุติธรรม ที่ นพ.ศราวุฒิ สุจริตธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ขี้แจงผลชุนสูตรมา ซึ่งค่อนข้างจะเคลียร์และละเอียดแล้ว ซึ่งครอบครัวเมื่อได้ทราบผลชันสูตรค่อนข้างละเอียดแล้ว ประกอบกับได้ดูคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดจากทางตำรวจแบบละเอียดทั้งหมด ทำให้มีความสอดคล้องกัน ซึ่งทางคดี ไม่มีอะไรที่ติดใจ เพราะคุณหมอศราวุฒิ สันนิษฐานและอธิบายมาค่อนข้างละเอียด และเคลียร์ทั้งหมดในประเด็นที่ติดใจก่อนหน้านี้

ส่วนกรณีการพูดคุยกับทางโรงเรียน ขณะนี้ ครอบครัวยังทำใจกับเรื่องนี้ค่อนข้างยาก จึงยังไม่โอเค และไม่พร้อมพูดคุยกับทางโรงเรียน โดยทางโรงเรียนพยายามติดต่อมาเรื่อยๆ และส่วนมากจะติดต่อมาทางครอบครัว และทางพ่อ แต่ก็ได้แจ้งกลับไปแล้วว่ายังไม่พร้อมที่จะพูดคุย ขอรอให้จบงานต่างๆ ก่อนแล้วค่อยว่ากันและอยากให้โรงเรียนเขาแสดงความจริงใจให้มากกว่านี้ ทั้งการออกมาแถลงข่าว หรือการออกมาแสดงความเสียใจผ่านสื่อต่างๆ เพราะที่ผ่านมาเหมือนพยายามปิดข่าวไม่อยากให้ชื่อเสียงโรงเรียนเสื่อมเสีย และพยายามจะติดต่อมาเพื่อขอโทษผ่านครอบครัวอย่างเดียว ส่วนทางคดี ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย

พ่อน้องจีฮุน ยังบอกด้วยว่า ฝากไปถึงกระทรวงศึกษาธิการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลบุตรหลาน อยากให้เข้มงวดมาตรการในการดูแลความปลอดภัย ไม่อยากให้มุ่งเน้นไปทางให้เด็กช่วยเหลือตัวเองเพียงอย่างเดียว เพราะเด็กหากเจอสถานการณ์จริง และการช่วยเหลือตัวเองทำได้ค่อนข้างยาก เช่น โรคฮีทสโตรกที่แพทย์แนะนำว่าหากเด็กมีอาการจะเกร็ง ชักเกร็ง อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จึงอยากให้หน่วยงานที่ดูแลเด็กเคร่งครัดเรื่องนี้เป็นพิเศษ และมองว่า ถ้ามีการดูแลอย่างเคร่งครัด ออกเป็นมาตรการ หรือเป็นกฎระเบียบ หรือกฎหมายออกมา น่าจะช่วยเรื่องนี้ได้ พร้อมยอมรับว่า ส่วนตัวก็ยังกังวลว่า ถ้าเรื่องเงียบไป อาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกในอนาคต เพราะเกิดมาตลอด และมองว่า ควรจะพอได้แล้วกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้

ด้านนางสาวเมทิกา แม่ของน้องจีฮุน บอกด้วยว่า หลังจากนี้คิดว่าผลการผ่าชันสูตรของกระทรวงยุติธรรมไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ก็อยากจะฟังผลให้ครบทุกได้ทน แต่ตอนนี้ก็ออกมากระจ่างเกือบทั้งหมดแล้ว และส่วนตัวอยากจะบอกกับน้องจีฮุนด้วยว่า ‘อยากบอกว่า แม่รักหนูนะ หนูจะอยู่ในใจแม่ตลอดไป แม่ไม่มีวันลืมลูก ถึงหนูจะเป็นยังไงในรูปแบบไหนแม่ก็รักหนู’

โดยหลังจากนี้จะนำร่างของน้องจีฮุน ไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านเก่า จ.ชลบุรี เป็นเวลา 7คืน และจะฌาปนกิจในวันที่ 15 ก.ย.