
ความคืบหน้าคดี น้องเจ้าขา เด็กหญิงวัย 3 ขวบที่ถูกแม่และพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ซึ่งภายหลังตำรวจสามารถจับกุมทั้ง แม่และพ่อเลี้ยงได้ รวมถึงมีการตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตอย่างปริศนาของ น้องพีพี วัย 2 ขวบ น้องชายน้องเจ้าขาที่เสียชีวิตไปก่อน โดยวานที่ผ่านมา (4 ก.ย.) นางอนันต์ มาเจริญศรี ย่า “น้องเจ้าขา” พร้อม “ทนายรณณรงค์” ได้เข้าแจ้งความเอาผิด เพิ่มข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กไม่เกิน 13 ปี ด้านตำรวจเผยต้องรอดูหลักฐานจากแพทย์ก่อน (อ่านข่าว)
ล่าสุดวันนี้ (5 ก.ย.) ที่ สภ.บางบัวทอง ทนายปิยณัฐ สุกยัง เลขาธิการเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนางอำนวย เพ็งเพชร (น้า)ของน้องเจ้าขาและน้องพีพี เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมเป็นพยานในคดี กรณีน้องเจ้าขา ถูกทำร้ายสาหัส พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าของคดี น้องพีพี และ น้องเจ้าขา จากทางพนักงานสอบสวน ว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน
ทนายปิยณัฐ กล่าวว่า วันนี้ตนนำน้าของเด็กทั้งสอง ในฐานะพยานแวดล้อม มาพบพนักงานสอบสวนตามที่ตำรวจต้องการ ในฐานะพยานแวดล้อม เราก็ตามให้ ส่วนคดีนั้นอยากบอกว่า คนที่เห็นเหตุการณ์ ก็มีแค่แม่กับพ่อเลี้ยงเท่านั้น คนอื่นไม่เห็นหรอก เป็นแค่พฤติการณ์แวดล้อมเท่านั้น เป็นพยานบอกเล่า หรือได้ยินมาบางส่วน ทางน้าเองเป็นคนที่ได้ยินเรื่องราวมาทางโทรศัพท์ และมีกาจพูดคุยกับทางผู้เป็นแม่โดยตรง วันนี้ตำรวจต้องการสอบพยาน เราก็พามาให้ แต่เราขอได้ไหมว่า คุณทำสำนวนไปถึง ขั้นตอนไหน ให้ทางญาติได้สบายใจว่า ตำรวจได้สอบไปแล้วทำไว้แล้ว ไม่ใช่คดีนี้แจ้งข้อหาหนักไปแล้ว พอถึงศาลสอบไม่ละเอียด คดีหลุดในศาล แบบนี้เราไม่เอา เราไม่ต้องการให้เกิดภาพแบบนั้น
ทนายปิยณัฐ กล่าวว่า สภ.บางบัวทอง ให้เราได้ไหม ถ้าไม่ได้เราก็ต้องขยับมากขึ้นต้อง ทางเราขอดูตัวเวชระเบียนอย่างชัดเจน ที่ทางตำรวจได้มา เราพยายามขอโรงพยาบาลแล้ว แต่โรงพยาบาลยังไม่ออกมาให้ ต้องดูในส่วนของสำนวนว่า มีร่องรอยอะไรไหม ในคดีนี้ถ้าไม่มีก็คือไม่มี เราต้องอาศัยพยานแวดล้อมต่าง ๆ เข้ามาในคดี เพราะจะสามารถเอาผิดกับแม่และพ่อเลี้ยงได้ ที่คุยกับย่าและพ่อก็มีความหวั่นใจ ผมเข้าใจว่า เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ที่ไม่ให้ดูสำนวน แต่คดีหลาย ๆ คดีที่ตนทำมาเป็นร้อย ๆ คดี ปกติทางผู้เสียหายขอดูได้ทั้งหมด น้อยมากที่จะใช้ดุลพินิจไม่ให้ดู
เข้าใจพนักงานสอบสวนว่า เขามีดุลพินิจไม่ให้ทางเราดูได้ แต่ก็มีข้อสงสัยจากทางย่าทางพ่อว่า การที่คุณตั้งข้อหา ไม่ว่าจะเป็นข้อหาทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตของน้องพีพี หรือแม้แต่การที่จะแจ้งข้อหาใหม่ของน้องเจ้าขา ตำรวจมั่นใจขนาดไหนว่า จะสามารถเอาผิดได้ เราอยากขอความชัดเจนตรงส่วนนี้ คนที่เสียลูกชายไปลูกสาวบาดเจ็บขนาดนี้ คุณควรใช้กฎหมายช่วยเขาให้มากที่สุด
ส่วนนางอำนวย เพ็งเพชร ผู้เป็นน้าของน้องพีพี และน้องเจ้าขา กล่าวว่า ตนเคยคุยโทรศัพท์กับผู้เป็นแม่ของน้องทั้งสอง สอบถามความเป็นอยู่สารทุกข์สุขดิบตลอด ซึ่งทางแม่จะบอกว่า น้องสบายดีไปโรงเรียนมีคนดูแล มีพยาบาลดูแลตลอดไม่ต้องเป็นห่วง ตนก็สบายใจ จนมาทราบว่า น้องเสียชีวิต ส่วนอีกคนโดนทำร้ายสาหัส รู้สึกเสียใจทุกครั้งไปเยี่ยมน้องเจ้าขาที่โรงพยาบาล เห็นน้องเขาหัวบวมร่างกายมีบาดแผลเต็มตัว ทุกครั้งเขาพยายามเรียกย่า ๆ ๆ เราก็น้ำตาซึม
นางอำนวย กล่าวว่า ตนย่าและพ่อเด็กเคยมาติดต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา กรณีน้องพีพีเสียชีวิตเราทุกคนเองติดใจ และไม่เชื่อว่า หลานจะเสียชีวิต โดยไม่มีสาเหตุ และไม่น่าจะใช่จากการเสียชีวิตธรรมดา เราพยายามถามความคืบหน้าของคดีแต่ไม่คืบ จึงต้องมาร้องทนายรณรงค์ให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ จนทุก ๆ อย่างค่อย ๆ กระจ่างขึ้นมา และนำมาสู่การจับกุมตัวแม่และพ่อเลี้ยง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนทำร้าย หลานทั้งสองคน ก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด