บิ๊กป้อม ลงพื้นที่ จ.น่าน ติดตาม-ให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพายุ"มู่หลาน"

22 สิงหาคม 2565 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจราชการที่ จ.น่าน เพื่อติดตามภาพรวมและการให้ความข่วยเหลือ จากผลกระทบพายุ "มู่หลาน" ซึ่ง จ.น่าน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งอาคารบ้านเรือน ถนน และสะพาน ได้รับความเสียหาย โดยรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ผ่านงบกลางให้กับ จ.น่านไปแล้ว 2 ครั้ง จำนวน 98 โครงการ วงเงินกว่า 120 ล้านบาท เพื่อเร่งทำการฟื้นฟู เยียวยา และซ่อมแซม สถานที่เสียหายให้กลับมามีสภาพใช้งานได้ดังเดิมโดยเร็ว พร้อมรับฟังความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ระหว่าง บ้านผาเวียง อ.ฝากท่า จ.อุตรดิตถ์ บ้านปากนาย อ.นาหมื่น จ.น่าน จาก ผอ.แขวงทางหลวงน่าน ที่ 1

พลเอกประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยในความเดือดร้อนของประชาชน ทุกครัวเรือนจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสทนช. ,กรมชลประทาน ,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึง จังหวัดน่าน ให้เร่งปฏิบัติตามแผนรับมือฤดูฝน พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่แล้งซ้ำซาก 4 อำเภอ ได้แก่ ท่าช้าง เชียงกลาง ท่าวังผา และ ปัว อีกทั้งเร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคนอกเขตชลประทาน พร้อมดำเนินการกับผู้บุกรุกป่า อย่างจริงจัง ทั้งนี้ในห้วงปี 61-64 รัฐบาลได้ดำเนินโครงการมาแล้วกว่า 1 แสนไร่ มีผู้ได้รับประโยชน์กว่า 3 แสนครัวเรือน

จากนั้น พลเอกประวิตร เดินทางต่อไปยัง อบต.ไชยสถาน อ.เมือง ติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างฝายกั้นลำน้ำซาว ซึ่งท้องถิ่นได้รับประโยชน์อย่างมากจากโครงการนี้ โดยมีตัวแทนชาวบ้านได้กล่าวขอบคุณรัฐบาล ที่ให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง เห็นผล ต่อจากนั้น พลเอกประวิตร ได้พบปะประชาชนที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ด้วยความประทับใจ และได้เดินทางต่อไปยัง ต.บ่อ อ.น่าน จ.น่าน เพื่อติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จากพายุ "มู่หลาน" โดยได้มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย 1,000 ครัวเรือน เพิ่มเติมจากที่รัฐได้ให้การช่วยเหลือไปแล้ว

พลเอกประวิตร ยืนยันว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน และจริงใจที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างดีที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้รัฐบาลปัจจุบัน สามารถพัฒนาประเทศ ต่อไปได้ โดยมีเป้าหมายให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตลอดไป