คุมตัว “เสี่ยยศ Mountain B ” ฝากขัง ลุ้นประกันวันนี้ รอดหรือนอนคุก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่ นายสมยศ ปั้นประสงค์ หรือ “เสี่ยยศ” อายุ 55 ปี พ่อเสี่ยบี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา เลขที่ 375/2565 ในความผิด 2 ข้อหา ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และอันตรายสาหัส และร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตำรวจมีพยานหลักฐานเชื่อว่า เป็นเจ้าของผับ MOUNTAIN B ตัวจริง ต้องรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมเพลิงไหม้ 19 ศพ และบาดเจ็บ 36 ราย ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.เอกภพ อินทวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี รักษาราชการแทน ผกก.สภ.พลูตาหลวง ณ สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 16 ส.ค.65 และถูกคุมขังเป็นเวลา 1 คืน นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. (17ส.ค.65) พ.ต.ท.เดชนะ อำนาจมั่นคง รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.พลูตาหลวง พร้อมด้วย ร.ต.อ.บุญส่ง ยิ่งยง รองสารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี ได้คุมตัว “เสี่ยยศ” ฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว ขึ้นรถส่งผู้ต้องหาไปฝากขังต่อ ศาลจังหวัดพัทยา โดยเสี่ยยศ ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน ซึ่งทางทนายความได้เตรียมหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ ซึ่งจะทราบผลภายในวันนี้

อย่างไรก็ตาม คดีโศกนาฏกรรมผับ MOUNTAIN B ได้ผ่านมาแล้ว 12 วัน สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับญาติผู้เสียชีวิต และสร้างความทุกข์ทรมานต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่ยังนอนรอการรักษาอาการอยู่ที่โรงพยาบาล  ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พลูตาหลวง ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ ได้ทำการออกหมายจับ เจ้าของผับ เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว คือ 'เสี่ยบี' หรือ นายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ อายุ 27 ปี ซึ่งมีชื่ออยู่ในการขอดำเนินกิจการ ก่อนตำรวจจะมีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า เจ้าของผับตัวจริง คือ “เสี่ยยศ” หรือ นายสมยศ ปั้นประสงค์ อายุ 55 ปี พ่อเสี่ยบี อย่างไรก็ตาม กระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ชี้ขาด ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง ในการชดใช้ค่าเสียหาย ต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ทางเจ้าของผับที่เกิดเหตุ ได้มีการจ่ายเงินเยียวยาในเบื้องต้น ให้กับผู้เสียชีวิตเพียงรายละ 50,000 บาท และผู้ได้รับบาดเจ็บรายละ 10,000 บาทเท่านั้น และสร้างความไม่พอใจต่อผู้เป็นญาติเป็นอย่างมาก บางรายไม่เพียงพอต่อการจัดพิธีศพ และไม่เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาล ต้องกู้หนี้ยืมสิน ทุกข์ทรมานใจ ไม่ต่างกับการถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เชื่อได้ว่า หากผู้เป็นเจ้าของผับ ไม่สามารถที่จะเจรจา ให้ญาติผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต พอใจ หรือยอมรับต่อเงื่อนไขการจ่ายค่าสินไหม คดีนี้ คงอาจมีการฟ้องร้อง และขึ้นศาลกันไม่จบสิ้นอย่างแน่นอน