"รายการคมชัดลึก" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์"เนชั่นทีวี" เจาะลึกกับปริศนาน้ำเข้า "เรือหลวงสุโขทัย" อัปปางลงกลางทะเล โดย"วราวิทย์ ฉิมมณี" กับ "พลเรือเอก จุมพล ลุมพิกานนท์" อดีตโฆษกกองทัพเรือ
สถานการณ์ที่ทุกฝ่ายเฝ้าติดตามพร้อมส่งกำลังใจในการกู้ภัยช่วยเหลือลูกเรือ 23 คนที่ยังสูญหาย ยิ่งนานวันก็จะยิ่งขาดน้ำ และคลื่นลมแรง สภาพร่างกายจะทนได้นานแค่ไหน ซึ่งขณะนี้มีการการระดมกำลัง ลงพื้นที่เต็มที่ ด้วยความมั่นใจว่าจะมีทหารเรือ ที่รอดชีวิตอยู่
ปริศนา น้ำเข้าเรือหลวงสุโขทัย รอยปริแตกหัวเรือ ?
"วราวิทย์" ถามว่า สาเหตุที่เป็นปริศนา ของเรือหลวงสุโขทัย ด้านหัวเรือ เวลากระแทกคลื่นจะมากพอให้เรืออัปปางได้หรือไม่
"พล.ร.อ.จุมพล" กล่าวว่า ตนเองเป็นผู้การเรือมา 4 ลำ หัวเรือมีทั้ง หัวแหลม หัวป้าน การกระแทกคลื่นแต่ละครั้ง มีโอกาสแตก หากเหล็กตัวเรือไม่มีความแข็งแรง หรือเสื่อมสภาพ หากโดนคลื่นแรงกระแทกก็อาจปริแยกได้ เพราะเรือเชื่อมต่อด้วยแผ่นเหล็ก ซึ่งเรือหลวงสุโขทัย ใช้มานานกว่า 36 ปีผ่านการซ่อมใหญ่มาแล้ว การซ่อมบำรุงมีวงรอบการออกเรือ ซึ่งตัวเรือดาดฟ้า ข้างป้อมปืนสามารถโดนคลื่นกระแทกฉีกขาดได้เช่นกัน เพราะเวลาเจอคลื่น จุดด้านหน้าเรือจะเป็นจุดที่รับคลื่นมากที่สุด ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ตรงหัวเรือ ซึ่งสภาพตัวเรือเป็รรูปรีเรียว เพื่อให้รับคลื่นได้มากที่สุด ซึ่งตรงนี้มี สมอ แต่ก็ตอบไม่ได้ว่า หากตรงนี้มี ท่อนไม้มากับน้ำทะเล ก็จะมีแรงกระแทก มากยิ่งขึ้น และกุมภาพันธ์ปี 2566 "เรือหลวงสุโขทัย" จะครบ 5 ปี การซ่อมบำรุงของเรือลำนี้
"วราวิทย์" ถามว่า มีคลิปที่ส่งต่อว่า ส่วนท้ายเรือ มีน้ำสาดเข้ามา และวิจารณ์ว่าลูกเรือไม่เปิดประตูระบายน้ำ
"พล.ร.อ.จุมพล" กล่าวว่า คลิปที่เห็นไม่ใช่ "เรือหลวงสุโขทัย" เพราะท้าย"เรือหลวงสุโขทัย"จะมีอาวุธปราบเรือดำน้ำ ติดตั้งอุปกรณ์นี้อยู่ คลิปที่ส่งต่อกันไม่ใช่ข้อมูลที่แท้จริง
มี "ชูชีพ" ใช่ว่าจะรอด ทัวร์ลง ผบ.ทร.
"วราวิทย์" ถามว่า การตัดสินใจลงแพหรือใส่ชูชีพจะรอดชีวิตหรือไม่
"พล.ร.อ.จุมพล" กล่าวว่า ลูกเรือประจำเรือทุกคน กำลังพล จะได้รับชูชีพซึ่งเป็นเครื่องแบบประจำกาย เพราะชูชีพ เป็นแค่ตัวพยุงไม่ให้ตัวจมในน้ำ แต่ในวันเกิดเหตุก็ต้องดูที่กำลังคลื่นลมซึ่งแรงมาก
นอกจากนี้ แม้จะใส่ชูชีพแต่ยังมีเรื่องน้ำดูดที่ปะทะเข้ามา ต่อให้เป็น นักว่ายน้ำเก่งแค่ไหน หากเจอสภาพน้ำดูดแบบนี้ก็ไม่รอด เพราะเมื่อน้ำดูด ก็ดึงร่างลงไปในใต้น้ำทำให้เกิดอาการสำลักน้ำได้ ขีดความสามารถ ของลูกเรือที่จะมีชีวิตรอดก็จะลดลง เช่นเดียวกับแพชูชีพ หากเกิดการบาดเจ็บ สภาพร่างกายอ่อนล้า โอกาสรอดก็จะลดลง
ซึ่งกรณีนี้ เกิดน้ำเข้าเรือ เมื่อยามฉุกเฉิน การเดินภายใน"เรือหลวงสุโขทัย" ที่มีความสูงถึง 3 - 4 ชั้น เมื่อเครื่องดับ ไฟฟ้าดับลง จะไม่สามารถมองเห็นอะไรในตัวเรือเพราะจะมืดมากและเชื่อว่า มีระบบการจัดการยามฉุกเฉิน โดยผู้บังคับการเรือต้องทำหน้าที่แก้ปัญหาอย่างเต็มที่ จนถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะ"เรือหลวงสุโขทัย" เอียงไปกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว
สำรวจใต้น้ำหวังกู้เรือ
"วราวิทย์" ถามว่า หากเรากู้เรือเร็วก็รู้สาเหตุ และเรายังประเมินอุปกรณ์ที่อยู่บน "เรือหลวงสุโขทัย " ยังมีโอกาสใช้ได้หรือไม่
"พล.ร.อ.จุมพล" กล่าวว่า การกู้ "เรือหลวงสุโขทัย" เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในขั้นตอนถัดจากการระดมกำลังช่วยเหลือผู้รอดชีวิต
ซึ่ง อุปกรณ์ที่น่ายังใช้ได้ คืออาวุธปืน ที่อยู่บนเรือ เช่นป้อมปืน อาจนำกลับมา หรือ อุปกรณ์ซอฟแวร์ต่างๆ
"วราวิทย์" ถามว่าการกู้เรือจำเป็นต้องจ้างเอกชน มาดำเนินการหรือไม่
"พล.ร.อ.จุมพล" กล่าวว่า ต้องรอดูก่อนว่าจำเป็นหรือไม่ โดยเฉพาะการใช้เรือกู้ซ่อมขนาดใหญ่ ที่มีแค่ 1 ลำ ในภูมิภาคที่ประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการประเมินเสียก่อน เช่น การให้นักประดาน้ำ ไปดูสภาพข้อเท็จจริงก่อน เพื่อมาประเมินกันอีกครั้ง โดยเฉพาะต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษา การกู้ซ่อมจะใช้เครื่องมืออะไร หรืออาจใช้บอลลูน รอดสลิงเข้าไปใต้ท้องเรือ เพื่อใช้แรงให้ลอยขึ้นไป ซึ่งจะทำได้หรือไม่ ต้องผ่านการประเมิน เพราะเรือเอกชนบางลำใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 เดือน
จากใจอดีตทหารเรือ " ลูกศิษย์ผมทั้งนั้น "
"พล.ร.อ.จุมพล" กล่าวว่า ลูกเรือส่วนใหญ่ ล้วนแต่เป็นศิษย์ จำนวน 52 คน เหมือนญาติเหมือนลูก หากคิดว่าลูกผมเสียชีวิต หรือไม่รู้เขาจะกลับมาเมื่อไหร่ ความรู้สึกคงไม่ต่างจากความห่วงใยของพ่อแม่ พี่น้องลูกเมีย จึงให้กำลังใจกับคนที่อยู่ ที่เฝ้ารอ ต้องเป็นอันดับแรก
สำหรับเรือ เราสามารถซื้อใหม่ได้ แต่กำลังคน ในกองทัพเรือ กว่าจะเป็นยศ นาวาโท นาวาตรี กองทัพเรือ ต้องจบนายเรือมา 5 ปีและฝึกฝนอีกไม่ต่ำกว่า 10 ปี เท่ากับ 15 ปี ที่สร้างคนคนหนึ่ง "ทุกคนในกองทัพเรือจึงเจ็บปวดซึ่งผมเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน น้ำตาไหล เพราะเป็นเรื่องของความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ แต่นี่คืออาชีพ ที่เรารับอาสามาดูแลประเทศนี้ "
ชมคลิป >>> ไขปริศนา"เรือรบหลวงสุโขทัย"